เชื่อมต่อระบบบัญชีและระบบจัดการร้านค้าออนไลน์แบบไร้รอยต่อ

PEAK โปรแกรมบัญชีออนไลน์ รองรับการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม e-Commerce หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Shopee, Lazada, LINE SHOPPING หรืออื่นๆ ช่วยจัดการระบบหลังบ้าน ด้วยการบันทึกข้อมูลการขาย การรับชำระเงิน ลงบัญชีอัตโนมัติ ลดการทำงานซ้ำซ้อน บริหารร้านค้าออนไลน์ได้ดียิ่งขึ้น

ระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ที่เชื่อมต่อกับโปรแกรมพันธมิตร

Partner API ที่สามารถตอบโจทย์การจัดการระบบร้านค้าออนไลน์

ZORT

ระบบจัดการออเดอร์และสต็อกสินค้าแบบครบวงจร ให้ธุรกิจที่มีการขายของหลาย  ทั้งทางระบบ e-

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

KetshopWeb

ผู้ให้บริการระบบ e-Commerce ในแบบที่คุณเป็นเจ้าของระบบเอง ให้คุณสร้างเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ พร้อมเชื่อมต่อ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

BentoWeb

ผู้ให้บริการระบบ e-Commerce ที่ให้คุณเป็นเจ้าของระบบเอง กำหนดนโยบายร้านค้าได้เอง และสามารถต่อย

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

Page365

ผู้ให้บริการระบบจัดการร้านสำหรับร้านค้าออนไลน์บนโซเชียลมีเดีย Facebook, LINE OA และ Instagram

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

LINE SHOPPING

ผู้ให้บริการระบบบริหารการขายครบวงจรด้วยเครื่องมือช่วยอำนวยความสะดวก ให้ลูกค้าซื้อ

SCB

ผู้ใช้งานสามารถนำไฟล์ข้อมูล Bank Statement มากระทบยอดรายรับ-รายจ่าย เพื่อให้ได้ข้อมูล

KBank

รองรับการนำข้อมูลจาก File Statement ในรูปแบบของ PDF สำหรับธนาคาร

Krungsri

ผู้ใช้งานสามารถพิมพ์ไฟล์จ่ายเงินเดือนเพื่อนำเข้าไฟล์จ่ายเงินเดือนบนระบบของธนาคารได้

e-Tax Invoice by Email

บริการสำหรับผู้ประกอบการ SME ที่ประสงค์จะจัดทำ ส่งมอบ และเก็บรักษาใบกำกับภาษี

INET

ผู้ให้บริการออกใบรับรองอิเล็กทรอ-นิกส์ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถจัดทำข้อมูล

Leceipt

ผู้ให้บริการออกเอกสารใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ให้ผู้ประกอบการสามารถจัดทำข้อมูล

BOXME

คลังสินค้าออนไลน์ ผู้ให้บริการเก็บสต็อกสินค้า พร้อมแพ็คและจัดส่งภายในวันเดียว ใช้งานระบบ

ระบบการทำงานหลักๆ ด้านการจัดการร้านค้าออนไลน์ – PEAK Account

ระบบคลังสินค้า

ระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM)

ระบบบริหารทรัพยากรบุคคล (HRM)

แพลตฟอร์มเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน (RPA)

ธนาคาร

จุดเด่นของการเชื่อมต่อระบบบัญชีกับระบบจัดการออนไลน์

เชื่อมต่อง่าย ไม่ซับซ้อน

รองรับการเชื่อมต่อร้านค้าออนไลน์มากกว่า 10 แพลตฟอร์ม

เชื่อมต่อง่ายในไม่กี่ขั้นตอน มีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำ

บันทึกข้อมูลและสร้างเอกสารอัตโนมัติ

บันทึกบัญชีและตัดสต๊อกสินค้าอัตโนมัติ

สร้างใบเสร็จรับเงินและออกใบกำกับภาษีได้ทันที

เห็นข้อมูลบัญชีร้านค้าทันที

อัปเดตยอดขาย กำไร และต้นทุนขาย จากทุกแพลตฟอร์มในที่เดียว

รองรับการเชื่อมต่อธนาคารและแพลตฟอร์มการรับชำระเงินออนไลน์

ลดข้อผิดพลาด ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย

ข้อมูลถูกต้อง แม่นยำ ปลอดภัย

ลดการคีย์ข้อมูลซ้ำซ้อน ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย

ทำไมต้องใช้ PEAK โปรแกรมบัญชีออนไลน์
ร่วมกับระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ของคุณ

เชื่อมต่อกับร้านค้าออนไลน์โดยตรง

บันทึกข้อมูลบัญชี สร้างเอกสารอัตโนมัติ ครบถ้วนทุกรายการขาย ลดขั้นตอนและลดต้นทุนในการทำงาน

เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการร้านค้าออนไลน์

เห็นภาพรวมข้อมูลบัญชีได้ทันที สามารถบริหารกิจการและตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น

ปลอดภัย ใช้งานง่าย พร้อมบริการช่วยเหลือ

หมดกังวลเรื่องข้อมูลรั่วไหล สูญหาย ด้วยระบบรักษาความปลอดภัย มาตรฐานระดับโลก พร้อมบริการให้คำปรึกษาและช่วยเหลือโดยผู้เชี่ยวชาญ สามารถใช้งานได้แม้ไม่มีพื้นฐานมาก่อน

ระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ที่รองรับ

ลูกค้าของเรา

เชื่อมต่อ PEAK โปรแกรมบัญชีออนไลน์ กับระบบอื่นๆ

ดูระบบเชื่อมต่อ API ประเภทอื่นๆ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ API กับระบบจัดการร้านค้าออนไลน์

ระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ของ PEAK คือ ระบบที่ช่วยให้ผู้ประกอบการหรือเจ้าของร้านสามารถจัดการและดำเนินการร้านค้าออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นระบบจัดการออเดอร์และสต็อกสินค้าแบบครบวงจร ให้ธุรกิจที่มีการขายของผ่านระบบ E-Commerce สามารถเช็คสต็อกสินค้าได้แบบ Real-time และส่งข้อมูลมาบันทึกบัญชีที่ PEAK ได้อัตโนมัติ และเรายังมีทางเลือกวิธีการ Import Excel จากแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆมาสร้างเอกสารใน PEAK ได้เช่นกัน

ระบบร้านค้าออนไลน์ที่ PEAK รองรับการส่ง API ได้แก่

  1. Shopee
  2. Lazada
  3. KetshopWeb
  4. Zort
  5. BentoWeb
  6. Page365
  7. TARAD U-Commerce
  8. LINE SHOPPING
  9. Shipnity

ระบบร้านค้าออนไลน์ที่ PEAK รองรับการ Import File Excel (ไม่เชื่อม API) ได้แก่

  1. Shopee
  2. Lazada
  3. Tiktok Shop

ระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ของ PEAK เชื่อมต่อกับ Partner ได้ดังนี้

ระบบร้านค้าออนไลน์ที่ PEAK รองรับการส่ง API ได้แก่

  1. Shopee
  2. Lazada
  3. KetshopWeb
  4. Zort
  5. BentoWeb
  6. Page365
  7. TARAD U-Commerce
  8. LINE SHOPPING
  9. Shipnity

ระบบร้านค้าออนไลน์ที่ PEAK รองรับการ Import File Excel (ไม่เชื่อมAPI) ได้แก่

  1. Shopee
  2. Lazada  
  3. Tiktok Shop

 

การเริ่มต้นใช้งานระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ของ PEAK ง่ายๆ เพียงสมัครทดลองใช้งาน PEAK ฟรี 30 วัน
สามารถเริ่มเชื่อมต่อกับระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ได้เลย

คู่มือการเชื่อมต่อร้านค้าออนไลน์
VDO สอนการใช้งานเชื่อมต่อร้านค้าออนไลน์ของPEAK

ระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ของ PEAK เหมาะกับธุรกิจ

  1. ธุรกิจซื้อมา – ขายไปแบบ B2C
  2. ธุรกิจ E-Commerce

ข้อดีของการเชื่อมต่อระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ของ PEAK

  1. ระบบบันทึกเอกสารให้อัตโนมัติ ลดเวลาในการคีย์เอกสาร
  2. สต็อกสินค้าถูกอัปเดตแบบ Real-Time เมื่อมีการสร้างเอกสารขายในกิจการ
  3. ลดงานของแอดมินและนักบัญชี
  4. ลดความผิดพลาดในการบันทึกเอกสาร เพราะระบบบันทึกบัญชีให้ตามข้อมูลบนร้านค้า
  5. มีเวลาไปใช้ในการพัฒนาแผนโปรโมทและเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น ไม่ต้องกังวลเรื่องบัญชี

ระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ของ PEAK ใช้งานไม่ยาก ตั้งค่าการเชื่อมต่อกับโปรแกรมจัดการออเดอร์และสต็อกที่ต้องการ เพียงครั้งเดียว ระบบสร้างเอกสารใบกำกับภาษีให้อัตโนมัติ ไม่ต้องเหนื่อยคีย์เอกสาร

และหากบางกิจการต้องการสร้างโดยการนำเข้าข้อมูล Excel File จากแพลตฟอร์มร้านออนไลน์ก็สามารถนำเข้าได้ง่ายๆเพียงไม่กี่นาที ระบบก็จะสร้างเอกสารใบเสร็จรับเงินให้ทันทีที่กดอนุมัติการนำเข้าข้อมูล

เริ่มต้นเชื่อมต่อร้านค้าออนไลน์ยังไงให้ข้อมูลครบถ้วน เริ่มต้นไม่ถูกคลิ๊กเรียนเพิ่มที่นี่ได้เลย

ผลิตภัณฑ์ของ PEAK

PEAK Account
โปรแกรมบัญชีออนไลน์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

PEAK Payroll
โปรแกรมเงินเดือนออนไลน์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

PEAK Board
โปรแกรมวิเคราะห์ธุรกิจ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

PEAK Asset
โปรแกรมบริหารจัดการสินทรัพย์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

PEAK Tax
โปรแกรมการจัดการภาษีออนไลน์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

Line @PEAKConnect
ใช้งานโปรแกรมผ่านไลน์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

บทความน่ารู้

ใช้ Payment Collection เก็บเงินลูกค้า

PEAK Account

11

min

เคล็ดลับ ช่วยเก็บเงินลูกค้าง่ายขึ้นด้วย Payment Collection

ปัญหาลูกค้าชำระเงินช้า หรือข้อมูลบนเอกสารทำจ่ายผิดพลาดจนทำให้จ่ายเงินล่าช้า เป็นหนึ่งในปัญหาที่ธุรกิจต้องเคยเจอ ซึ่งส่งผลกระทบต่อ “เงินสดหมุนเวียน” ขององค์กรโดยตรง หรือบางครั้งการออกเอกสารแต่ละครั้งก็ใช้เวลานานจนไม่มีเวลาโฟกัสในจุดอื่นของธุรกิจ แต่ในปัจจุบันมีระบบ Payment Collection ที่เข้ามาช่วยจัดการในขั้นตอนการเรียกเก็บเงินได้อย่างเป็นระบบมากยิ่งขึ้น ลดระยะเวลาการทำงาน และลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาดลงไปได้ ซึ่งระบบนี้จะน่าสนใจมากแค่ไหน และทำอะไรได้บ้างมาติดตามในบทความนี้กันได้เลย Payment Collection คืออะไร Payment Collection คือ ระบบการเรียกเก็บเงินจากลูกค้า ที่สามารถเลือกช่องทางวิธีการชำระเงินได้หลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น QR Code, Payment Link หรือช่องทางออนไลน์อื่น ๆ ซึ่งผู้ขายสามารถเรียกเก็บเงินจากลูกค้าผ่านช่องทางเหล่านี้ และระบบจะทำการบันทึกข้อมูลในโปรแกรมบัญชีที่ใช้งานให้อัตโนมัติ เพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบรายละเอียด เช่น การติดตามยอด การตรวจสอบกระแสเงินสด และสถานะการชำระเงินได้แบบเรียลไทม์ ทำให้เป็นอีกหนึ่งระบบทางบัญชีที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนจัดการธุรกิจได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น ประโยชน์ของ Payment Collection ที่มีต่อธุรกิจ ประโยชน์หลัก ๆ ของฟีเจอร์รับชำระเงิน ไม่ได้มีเพียงแค่การแสดงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงินให้อัตโนมัติและเรียลไทม์ แต่ยังมีข้อมูลอื่นที่น่าสนใจประกอบไปด้วย 4 ข้อหลักดังนี้ 1. เก็บเงินได้เร็วขึ้น ด้วยรูปแบบการชำระเงินที่ทำได้ง่ายมากยิ่งขึ้นอย่างการชำระผ่าน QR Code หรือ Payment Link ต่าง ๆ เป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า เมื่อลูกค้าจ่ายเงินได้ง่ายขึ้นก็เพิ่มโอกาสที่จะชำระเงินได้เร็วยิ่งขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง ซึ่งสิ่งนี้ช่วยลดปัญหาที่อาจกระทบกระแสเงินสดที่หลายครั้งเกิดจากการที่ลูกค้าชำระเงินล่าช้า 2. ติดตามสถานะการชำระเงินได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ด้วยระบบรับชำระเงินออนไลน์ ที่มีอยู่ในโปรแกรมบัญชี ช่วยให้นักบัญชีหรือผู้ประกอบการสามารถดูสถานะการชำระเงินได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ไม่จำเป็นต้องคอยตรวจสอบด้วยตัวเองหรือต้องคอยจำกำหนดการชำระเงินอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังมีระบบคอยแจ้งเตือนสถานะ เช่น ยังไม่ได้ชำระ, ชำระเรียบร้อยแล้ว, หรือเลยกำหนดชำระ ช่วยให้นักบัญชีหรือผู้ประกอบการติดตามได้ดียิ่งขึ้น ลดโอกาสพลาดลืมทวงเงินจากลูกค้าลงไปได้ 3. ข้อมูลเชื่อมเข้าบัญชีอัตโนมัติ ในหลายครั้งการบันทึกบัญชีอาจเกิดข้อผิดพลาดขึ้นได้ แต่ด้วยฟีเจอร์ติดตามการชำระเงิน ที่สามารถเชื่อมต่อกับระบบบัญชีได้อัตโนมัติ โดยเป็นการจับคู่กับใบแจ้งหนี้ หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องที่อยู่ในระบบ ทำให้สามารถช่วยลดความผิดพลาดในการบันทึกบัญชีที่อาจเกิดขึ้นได้ ที่สำคัญช่วยลดระยะเวลาการทำงานของพนักงาน ไม่จำเป็นต้องมาคอยนั่งจับคู่เอกสารด้วยตัวเองอีกต่อไป 4. ช่วยให้ธุรกิจมีความเป็นมืออาชีพ น่าเชื่อถือ ระบบรับชำระเงินแบบอัตโนมัติ จะระบุช่องทางการชำระเงินไว้ในใบแจ้งหนี้ไว้อย่างชัดเจน โดยมักจะเป็นในรูปแบบของ QR Code หรือ Payment Link ซึ่งส่วนนี้ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัท แสดงให้เห็นว่ามีการใช้ระบบทันสมัย สำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการที่มีการดำเนินธุรกิจในรูปแบบ Business to Business (B2B) ขั้นตอนการใช้งาน Payment Collection ใน PEAK โปรแกรมบัญชี PEAK ก็มาพร้อมกับระบบรับชำระเงินอัตโนมัติ ให้ผู้ประกอบการสามารถใช้ร่วมกับระบบบัญชีที่มีฟีเจอร์อย่างครบวงจร ที่สำคัญระบบ Payement Collection ของ PEAK นั้นใช้งานง่ายมาก มีเพียงแค่ 4 ขั้นตอนเท่านั้น! 1. เปิดใช้งานระบบ Payment Collection อันดับแรกให้ทำการเปิดการใช้งานระบบ Payment Collection ก่อนด้วยการเข้าไปที่ “การตั้งค่า” > “การรับชำระเงิน” และเปิดใช้งาน 2. เชื่อมบัญชีธนาคารหรือ Payment Gateway ถัดมาเป็นการเชื่อมต่อระบบเข้ากับบัญชีธนาคารหรือ Payment Gateway ที่เราต้องการใช้ในการรับชำระเงิน ซึ่งตรงส่วนขั้นตอนนี้จะใช้วิธีการเชื่อมต่อระบบ API เข้ากับระบบของธนาคาร ยกตัวอย่างระบบที่ PEAK สามารถเชื่อมต่อได้ เช่น 3. ออกใบแจ้งหนี้หรือใบกำกับภาษีใน PEAK เมื่อเชื่อมต่อกับธนาคารหรือช่องทางการรับเงินแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการออกใบแจ้งหนี้ ซึ่งระบบจะทำการสร้างใบแจ้งหน้าที่มาพร้อมกับ QR Code หรือ Payment Link ได้ คลิกดูขั้นตอนการออกใบแจ้งหนี้ใน PEAK 4. ติดตามสถานะการชำระเงินแบบเรียลไทม์ สุดท้ายเมื่อทำการส่งใบแจ้งหนี้ให้ลูกค้าเรียบร้อยแล้ว ระบบจะคอยอัปเดตสถานะการชำระเงินของแต่ละ Payment Collection ที่ได้ส่งออกไปผ่านใบแจ้งหนี้ให้อัตโนมัติ ในขั้นตอนนี้ผู้ประกอบการหรือนักบัญชีสามารถคอยตรวจสอบสถานะอย่างสม่ำเสมอ หากครบกำหนดการชำระเงินแล้ว ก็ควรที่จะรีบติดตามเงินจากลูกค้า เพื่อสามารถบริหารจัดการกระแสเงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตารางเปรียบเทียบเวลาการออกเอกสารและรับชำระเงิน การใช้ระบบรับชำระเงินของ PEAK ช่วยลดระยะเวลาการทำงานในทุกขั้นตอนของการเรียกเก็บเงินจากลูกค้า ตั้งแต่การออกเอกสารใบแจ้งหนี้ → การติดตามชำระเงิน → ตรวจสอบเงินเข้า → ออกใบเสร็จ → การส่งเอกสารให้ลูกค้า จากปกติที่ใช้เวลาเป็นชั่วโมงในการจัดเตรียมเอกสาร โปรแกรม PEAK ช่วยลดระยะเวลาเหลือเพียง 1-2 นาที รวมไปถึงไม่ต้องคอยคอยดูสถานะการชำระเงิน และโทรติดตามเงินจากลูกค้าด้วยตัวเอง เพราะโปรแกรม PEAK ช่วยจัดการให้อัตโนมัติ ลดระยะเวลาการทำงาน ลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาด สามารถโฟกัสกับการพัฒนาธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น ทำงานได้เร็วขึ้น เพิ่มเวลาพัฒนาธุรกิจด้วยโปรแกรมบัญชี PEAK การบริหารเวลาในการทำธุรกิจเป็นเรื่องที่จำเป็นต่อการเติบโต เพราะหากผู้ประกอบการ หรือพนักงานต้องใช้เวลาไปกับการทำงานที่มีความจำเป็นน้อยกว่า เช่น การต้องคอยออกใบแจ้งหนี้เพื่อส่งให้ลูกค้า หรือคอยตามเงินเองทุกครั้ง ทำให้ไม่มีเวลาทำงานส่วนวิเคราะห์ หรือคิดหาไอเดียใหม่ ๆ ในการสร้างยอดขายที่ส่งผลต่อการเติบโตโดยตรง ก็มีโอกาสสูงที่จะทำให้ธุรกิจพัฒนาช้าไปด้วย ทำให้ฟีเจอร์รับชำระเงินของ PEAK เป็นตัวช่วยแก้ปัญหาเรื่องการจัดการเวลา ให้ทำงานด้านเอกสารเสร็จเร็วยิ่งขึ้น เพื่อให้มีเวลาในการโฟกัสกับการพัฒนาธุรกิจนั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันระบบ Payment Collection ของ PEAK สามารถเชื่อมต่อระบบกับธนาคารและผู้ให้บริการอื่น ๆ เช่น SCB QR Payment, Krungsri Bill Payment Collection, BBL QR Code Collection, Pay Solutions, Beam, ChillPay ซึ่ง PEAK ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาระบบรับชำระเงินแบบอัตโนมัติ ของเราอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถจัดการกับธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เตรียมความพร้อมสู่การเติบโตในอนาคต! ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาทคลิก (ไม่มีค่าใช้จ่าย)PEAK Call Center : 1485LINE : @peakaccountสอบถามเพิ่มเติม คลิก

ความรู้ธุรกิจความรู้บัญชี

เครดิตเทอม

PEAK Account

14

min

ซื้อของจาก SME ต้องรู้ เครดิตเทอม จ่ายภายในกี่วัน

การค้าขายกับธุรกิจมักจะไม่ได้ชำระเงินกันโดยทันทีหลังส่งมอบ แต่จะมีการให้ เครดิตเทอม แต่หลายครั้ง เครดิตเทอม ก็กลายเป็นช่องโหว่ให้เกิดการเอาเปรียบธุรกิจ SME อยู่เสมอ ซึ่งทางภาครัฐก็ได้มีการออกข้อกำหนดเพื่อให้การค้าเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้ประกอบการที่ต้องคอยติดตามข้อกำหนดเหล่านี้อยู่เสมอ และในบทความนี้เราจะมาแนะนำความรู้เกี่ยวกับเครดิตเทอมและข้อกำหนดที่ควรทราบกัน เครดิตเทอม คืออะไร? เครดิตเทอม หรือ สินเชื่อการค้า คือ ข้อกำหนดหรือเงื่อนไขในการชำระเงินระหว่างคู่ค้าทางธุรกิจ โดยเป็นในรูปแบบของสินเชื่อที่ผู้ขายออกให้แก่ผู้ซื้อ ที่ผู้ขายจะส่งมอบสินค้าหรือบริการก่อน แล้วให้ผู้ซื้อชำระเงินภายในระยะเวลา เครดิตเทอม ที่กำหนดไว้ ซึ่งระยะเวลาขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างคู่ค้า อาจเริ่มต้นตั้งแต่ 15 วัน จนถึง 45 วัน ทำไมเจ้าของธุรกิจต้องเข้าใจเรื่องเครดิตเทอม เครดิตเทอม ช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ธุรกิจ สามารถวางแผนจัดการกระแสเงินสดได้ และถือว่าเป็นเรื่องปกติในการทำธุรกิจแบบ Business to Business (B2B) ที่มักจะมาข้อกำหนดเครดิตเทอมขึ้นมาเสมอ แต่ปัญหาของเครดิตเทอม คือ มีโอกาสกลายเป็นหนี้สูญหากผู้ซื้อไม่จ่ายเงินตามข้อกำหนด และ ในบางครั้งก็เกิดการเอาเปรียบกันด้วยการขอเครดิตเทอมที่นานเกินควรจนผู้ขายเกิดปัญหาด้านสภาพคล่อง โดยเฉพาะในธุรกิจ SME ที่มีอำนาจต่อรองน้อย ยกตัวอย่างสถานการณ์การกำหนดเครดิตเทอม เช่น  ธุรกิจ A เป็นธุรกิจขนาดเล็ก SME ขายบริการ ทำแคมเปญการตลาดออนไลน์ ให้บริษัท B โดยตกลงกันไว้ว่าจะนับระยะเวลาเครดิตเทอมหลังจากที่ส่งมอบบริการและเอกสารครบถ้วน ซึ่งหลังจากให้บริการเสร็จสิ้น ทางธุรกิจ A ออกใบแจ้งหนี้เรียกเก็บเงินจากบริษัท B โดยกำหนดเครดิตเทอม 30 วันนับจาก วันที่ 1 ตุลาคม หมายความว่าบริษัท B จำเป็นต้องชำระเงินภายในวันที่ 31 ตุลาคม หรือ 30 วันหลังจากส่งมอบบริการและเอกสารนั่นเอง ประกาศเครดิตเทอมจากสำนักงานกรรมการการแข่งขันทางการค้า ด้วยช่องโหว่ที่อาจก่อให้เกิดการเอาเปรียบกันระหว่างธุรกิจในด้านการกำหนดเครดิตเทอม ทางสำนักงานกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.) จึงกำหนดประกาศที่ ห้ามกำหนดเครดิตเทอมเกิน 30-45 วัน ในกรณีที่ผู้ขายเป็นธุรกิจขนาดกลาง หรือขนาดย่อม (SMEs) ผ่านประกาศ “แนวทางพิจารณาการปฏิบัติทางการค้าที่เป็นธรรมเกี่ยวกับระยะเวลาการให้เครดิตเทอม กรณีผู้ขายสินค้าหรือบริการประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)” โดยวัตถุประสงค์ของประกาศนี้เพื่อป้องกันการเอาเปรียบธุรกิจ SMEs เพราะมีอำนาจการต่อรองที่น้อยกว่า เพราะก่อนหน้าที่จะมีกฎหมายเข้ามากำหนด บางครั้งธุรกิจ SME ต้องเจอกับเครดิตเทอมที่ยาวนาน 60-90 วัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของธุรกิจ การที่ กขค. ออกประกาศกรอบระยะเวลาของเครดิตเทอมให้ชัดเจนเช่นนี้ จึงช่วยผู้ประกอบการ SME ได้มหาศาล ผู้ที่ต้องทำตามประกาศเครดิตเทอม สำหรับผู้ที่ต้องปฏิบัติตามประกาศข้างต้น คือ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนทุกรายที่ซื้อสินค้า/บริการจาก ธุรกิจ SMEs ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ด้วยการกำหนดเครดิตเทอมภายใน 30-45 วันตามที่กฎหมายกำหนด หากไม่ปฏิบัติตามจะมีบทลงโทษตามมาอีกด้วย รายละเอียดเกี่ยวกับประกาศเครดิตเทอม ในส่วนของระยะเวลาเครดิตเทอมที่ได้กำหนดไว้ 30-45 วัน แบ่งได้ตามประเภทของสินค้าหรือบริการ โดยสามารถแบ่งได้ดังนี้ นอกจากนี้ในเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงิน เช่น ใบสั่งซื้อ ใบแจ้งหนี้ หรือใบกำกับภาษี จำเป็นต้องระบุวันชำระเงินไว้อย่างชัดเจน ทั้งนี้หากมีเหตุผลอันสมควรให้มีเครดิตเทอมเกิน 45 วันสามารถทำได้ตามการตกลงร่วมกันระหว่างคู่ค้า แต่หากไม่มีเหตุผลที่มากพอถือว่าเป็นความผิด ใครบ้างที่ถือว่าเป็น SME ภายใต้ประกาศเครดิตเทอม? ทาง กขค. ก็ได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์ ที่ใช้พิจารณาว่าธุรกิจประเภทไหนถึงเข้าข่ายเป็นธุรกิจ SME โดยมีการกำหนดธุรกิจแต่ละรูปแบบได้ 2 ประเภทดังนี้ หากธุรกิจของคุณ หรือคู่ค้าของคุณ เข้าข่ายข้อกำหนดข้างต้นก็หมายความว่าเป็นธุรกิจ SME และต้องให้เครดิตเทอมตามที่กฎหมายกำหนดด้วยนั่นเอง ทั้งนี้ในธุรกิจอาจมีทั้งการขายสินค้าและให้บริการที่มีการจ้างงานไม่เกินที่กำหนด ให้พิจารณาเงื่อนไขโดยใช้เกณฑ์ของรายได้หลักมาพิจารณา ยกตัวอย่าง เช่น ธุรกิจ A ทำธุรกิจผลิตสินค้าและให้บริการ มีการจ้างงาน 120 คน โดยมีรายได้จากการผลิตสินค้าขาย 500 ล้านบาท/ปี และธุรกิจให้บริการ 200 ล้านบาท/ปี หมายความว่าธุรกิจ A มีรายได้หลักจากการผลิตสินค้า จึงต้องใช้เกณฑ์การพิจารณาของ “ธุรกิจขายสินค้า: รายได้สูงสุดไม่เกิน 500 ล้านบาท/ปี”ซึ่งหากพิจารณาจากตัวเลขแบบแยกประเภทการขายสินค้าและบริการแล้วอาจเข้าใจว่ายังถือว่าเป็น SME อยู่ แต่หากนำตัวเลขรายได้มารวมกันเกินได้ 700 ล้านบาท/ปี ซึ่งเกินกำหนดของธุรกิจขายสินค้าที่ 500 ล้านบาท/ปี หมายความว่าธุรกิจ A จะไม่ถือว่าเป็น SME บทลงโทษ และช่องทางร้องเรียน กฎหมายเครดิตเทอมสำหรับ SME มีบทลงโทษกำหนดไว้อย่างชัดเจน โดยผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามมีบทลงโทษเป็นการปรับเงินสูงสุด 10% ของรายได้ต่อปี นอกจากนี้ประกาศยังได้ระบุพฤติกรรมการค้าที่ไม่เป็นธรรมที่สามารถร้องเรียนได้ โดยมีทั้งหมด 3 พฤติกรรมดังนี้ 1. การประวิงเวลาไม่ยอมชำระหนี้ตามที่เครดิตเทอมกำหนด การประวิงเวลาหรือการที่ผู้ซื้อไม่ชำระหนี้ตามเครดิตเทอมที่ได้ตกลงกันไว้ โดยไม่ได้มีเหตุผลอันสมควรแก่การขยายเวลาชำระหนี้ ซึ่งพฤติกรรมนี้เข้าข่ายมีความผิดตามกฎหมายการแข่งขันทางการค้า 2. เปลี่ยนแปลงระยะเวลาเครดิตเทอม การเปลี่ยนระยะเวลาให้เครดิตเทอม หากไม่ได้มีการแจ้งล่วงหน้าภายใน 60 วัน และไม่มีเหตุผลอันสมควรก็ถือว่าเป็นความผิดเช่นเดียวกัน 3. พฤติกรรมลักษณะอื่น ด้วยอำนาจต่อรองของธุรกิจ SME ที่อาจมีน้อยกว่าคู่ค้าในบางครั้ง อาจทำให้เกิดการเอาเปรียบกันเกิดขึ้น ซึ่งพฤติกรรมลักษณะอื่น เช่น การกำหนดเงื่อนไขพิเศษเพิ่มเติมที่เป็นการสร้างภาระให้แก่ธุรกิจ SME โดยไม่จำเป็น หากธุรกิจ SME พบพฤติกรรมเหล่านี้ของคู่ค้าในการทำธุรกิจร่วมกันสามารถร้องเรียนได้ผ่านช่องทาง รู้ข้อกฎหมายไว้ ไม่ถูกเอาเปรียบ ในการทำธุรกิจ การรู้ข้อกฎหมายให้ครอบคลุมมากที่สุดช่วยลดโอกาสถูกการเอาเปรียบได้ โดยเฉพาะธุรกิจ SME ที่อำนาจต่อรองไม่สูง หลายครั้งโดนตั้งเงื่อนไขต่าง ๆ มากมายจากคู่ค้า เมื่อไม่ถูกเอาเปรียบ ก็สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น ติดตามบทความจาก PEAK ที่นำเสนอความรู้ทางธุรกิจตั้งแต่บัญชี ภาษี ไปจนถึงข่าวสารข้อกำหนดกฎหมายใหม่ ๆ เพื่อผู้ประกอบการโดยเฉพาะ! สำหรับเจ้าของธุรกิจที่ต้องการเพิ่มสภาพคล่อง และอยากเข้าใจการใช้เครดิตเทอมอย่างถูกต้อง นอกจากการศึกษากฎหมายเครดิตเทอมแล้ว คุณยังสามารถเลือกใช้บริการเครดิตเทอมจากผู้ให้บริการที่เชื่อถือได้ เช่น OfficeMate ที่สรุปขั้นตอนและเงื่อนไขการขอเครดิตเทอมออนไลน์ไว้ สร้างใบแจ้งหนี้ออนไลน์ใน 1 นาที ปัจจุบัน ผู้ประกอบการไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก กลาง หรือใหญ่ ต่างหันมาใช้ใบแจ้งหนี้ออนไลน์กันมากขึ้น เพราะสร้าง QR Code ให้ลูกค้าชำระเงินได้สะดวกและลดขั้นตอนการรับชำระได้อย่างมาก บทความนี้จึงขอแนะนำให้ลองสร้างใบแจ้งหนี้ออนไลน์แบบง่ายๆ ผ่านโปรแกรมบัญชีออนไลน์ PEAK ซึ่งใช้งานไม่ซับซ้อน และมีข้อดีที่ช่วยให้ธุรกิจทำงานได้คล่องตัวยิ่งขึ้น ดังนี้ สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า OFM! สำหรับลูกค้า OfficeMate (OFM) ที่ต้องการจัดการเอกสารและบัญชีอย่างมืออาชีพ เรามีตัวช่วย!PEAK คือ โปรแกรมบัญชีออนไลน์ ที่ทำให้การทำบัญชี การเงิน และภาษีเป็นเรื่องง่ายและ อัตโนมัติ ช่วยลดงานเอกสารและประหยัดเวลาด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ (AI, API) แถมยังได้ข้อมูลธุรกิจแบบ Real-Time พิเศษ: ลูกค้า OFM ทดลองใช้ฟรี 30 วัน พร้อม ส่วนลดพิเศษ เมื่อสมัครแพ็กเกจรายปี!ให้ PEAK เป็นหลังบ้านดิจิทัลที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณ จัดการได้อย่างมืออาชีพ!ลงทะเบียนรับสิทธิ์:  ติดตาม OfficeMate ได้ที่ช่องทาง

ความรู้บัญชี

ใช้ Payment Collection เก็บเงินลูกค้า

PEAK Account

11

min

เคล็ดลับ ช่วยเก็บเงินลูกค้าง่ายขึ้นด้วย Payment Collection

ปัญหาลูกค้าชำระเงินช้า หรือข้อมูลบนเอกสารทำจ่ายผิดพลาดจนทำให้จ่ายเงินล่าช้า เป็นหนึ่งในปัญหาที่ธุรกิจต้องเคยเจอ ซึ่งส่งผลกระทบต่อ “เงินสดหมุนเวียน” ขององค์กรโดยตรง หรือบางครั้งการออกเอกสารแต่ละครั้งก็ใช้เวลานานจนไม่มีเวลาโฟกัสในจุดอื่นของธุรกิจ แต่ในปัจจุบันมีระบบ Payment Collection ที่เข้ามาช่วยจัดการในขั้นตอนการเรียกเก็บเงินได้อย่างเป็นระบบมากยิ่งขึ้น ลดระยะเวลาการทำงาน และลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาดลงไปได้ ซึ่งระบบนี้จะน่าสนใจมากแค่ไหน และทำอะไรได้บ้างมาติดตามในบทความนี้กันได้เลย Payment Collection คืออะไร Payment Collection คือ ระบบการเรียกเก็บเงินจากลูกค้า ที่สามารถเลือกช่องทางวิธีการชำระเงินได้หลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น QR Code, Payment Link หรือช่องทางออนไลน์อื่น ๆ ซึ่งผู้ขายสามารถเรียกเก็บเงินจากลูกค้าผ่านช่องทางเหล่านี้ และระบบจะทำการบันทึกข้อมูลในโปรแกรมบัญชีที่ใช้งานให้อัตโนมัติ เพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบรายละเอียด เช่น การติดตามยอด การตรวจสอบกระแสเงินสด และสถานะการชำระเงินได้แบบเรียลไทม์ ทำให้เป็นอีกหนึ่งระบบทางบัญชีที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนจัดการธุรกิจได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น ประโยชน์ของ Payment Collection ที่มีต่อธุรกิจ ประโยชน์หลัก ๆ ของฟีเจอร์รับชำระเงิน ไม่ได้มีเพียงแค่การแสดงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงินให้อัตโนมัติและเรียลไทม์ แต่ยังมีข้อมูลอื่นที่น่าสนใจประกอบไปด้วย 4 ข้อหลักดังนี้ 1. เก็บเงินได้เร็วขึ้น ด้วยรูปแบบการชำระเงินที่ทำได้ง่ายมากยิ่งขึ้นอย่างการชำระผ่าน QR Code หรือ Payment Link ต่าง ๆ เป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า เมื่อลูกค้าจ่ายเงินได้ง่ายขึ้นก็เพิ่มโอกาสที่จะชำระเงินได้เร็วยิ่งขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง ซึ่งสิ่งนี้ช่วยลดปัญหาที่อาจกระทบกระแสเงินสดที่หลายครั้งเกิดจากการที่ลูกค้าชำระเงินล่าช้า 2. ติดตามสถานะการชำระเงินได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ด้วยระบบรับชำระเงินออนไลน์ ที่มีอยู่ในโปรแกรมบัญชี ช่วยให้นักบัญชีหรือผู้ประกอบการสามารถดูสถานะการชำระเงินได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ไม่จำเป็นต้องคอยตรวจสอบด้วยตัวเองหรือต้องคอยจำกำหนดการชำระเงินอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังมีระบบคอยแจ้งเตือนสถานะ เช่น ยังไม่ได้ชำระ, ชำระเรียบร้อยแล้ว, หรือเลยกำหนดชำระ ช่วยให้นักบัญชีหรือผู้ประกอบการติดตามได้ดียิ่งขึ้น ลดโอกาสพลาดลืมทวงเงินจากลูกค้าลงไปได้ 3. ข้อมูลเชื่อมเข้าบัญชีอัตโนมัติ ในหลายครั้งการบันทึกบัญชีอาจเกิดข้อผิดพลาดขึ้นได้ แต่ด้วยฟีเจอร์ติดตามการชำระเงิน ที่สามารถเชื่อมต่อกับระบบบัญชีได้อัตโนมัติ โดยเป็นการจับคู่กับใบแจ้งหนี้ หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องที่อยู่ในระบบ ทำให้สามารถช่วยลดความผิดพลาดในการบันทึกบัญชีที่อาจเกิดขึ้นได้ ที่สำคัญช่วยลดระยะเวลาการทำงานของพนักงาน ไม่จำเป็นต้องมาคอยนั่งจับคู่เอกสารด้วยตัวเองอีกต่อไป 4. ช่วยให้ธุรกิจมีความเป็นมืออาชีพ น่าเชื่อถือ ระบบรับชำระเงินแบบอัตโนมัติ จะระบุช่องทางการชำระเงินไว้ในใบแจ้งหนี้ไว้อย่างชัดเจน โดยมักจะเป็นในรูปแบบของ QR Code หรือ Payment Link ซึ่งส่วนนี้ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัท แสดงให้เห็นว่ามีการใช้ระบบทันสมัย สำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการที่มีการดำเนินธุรกิจในรูปแบบ Business to Business (B2B) ขั้นตอนการใช้งาน Payment Collection ใน PEAK โปรแกรมบัญชี PEAK ก็มาพร้อมกับระบบรับชำระเงินอัตโนมัติ ให้ผู้ประกอบการสามารถใช้ร่วมกับระบบบัญชีที่มีฟีเจอร์อย่างครบวงจร ที่สำคัญระบบ Payement Collection ของ PEAK นั้นใช้งานง่ายมาก มีเพียงแค่ 4 ขั้นตอนเท่านั้น! 1. เปิดใช้งานระบบ Payment Collection อันดับแรกให้ทำการเปิดการใช้งานระบบ Payment Collection ก่อนด้วยการเข้าไปที่ “การตั้งค่า” > “การรับชำระเงิน” และเปิดใช้งาน 2. เชื่อมบัญชีธนาคารหรือ Payment Gateway ถัดมาเป็นการเชื่อมต่อระบบเข้ากับบัญชีธนาคารหรือ Payment Gateway ที่เราต้องการใช้ในการรับชำระเงิน ซึ่งตรงส่วนขั้นตอนนี้จะใช้วิธีการเชื่อมต่อระบบ API เข้ากับระบบของธนาคาร ยกตัวอย่างระบบที่ PEAK สามารถเชื่อมต่อได้ เช่น 3. ออกใบแจ้งหนี้หรือใบกำกับภาษีใน PEAK เมื่อเชื่อมต่อกับธนาคารหรือช่องทางการรับเงินแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการออกใบแจ้งหนี้ ซึ่งระบบจะทำการสร้างใบแจ้งหน้าที่มาพร้อมกับ QR Code หรือ Payment Link ได้ คลิกดูขั้นตอนการออกใบแจ้งหนี้ใน PEAK 4. ติดตามสถานะการชำระเงินแบบเรียลไทม์ สุดท้ายเมื่อทำการส่งใบแจ้งหนี้ให้ลูกค้าเรียบร้อยแล้ว ระบบจะคอยอัปเดตสถานะการชำระเงินของแต่ละ Payment Collection ที่ได้ส่งออกไปผ่านใบแจ้งหนี้ให้อัตโนมัติ ในขั้นตอนนี้ผู้ประกอบการหรือนักบัญชีสามารถคอยตรวจสอบสถานะอย่างสม่ำเสมอ หากครบกำหนดการชำระเงินแล้ว ก็ควรที่จะรีบติดตามเงินจากลูกค้า เพื่อสามารถบริหารจัดการกระแสเงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตารางเปรียบเทียบเวลาการออกเอกสารและรับชำระเงิน การใช้ระบบรับชำระเงินของ PEAK ช่วยลดระยะเวลาการทำงานในทุกขั้นตอนของการเรียกเก็บเงินจากลูกค้า ตั้งแต่การออกเอกสารใบแจ้งหนี้ → การติดตามชำระเงิน → ตรวจสอบเงินเข้า → ออกใบเสร็จ → การส่งเอกสารให้ลูกค้า จากปกติที่ใช้เวลาเป็นชั่วโมงในการจัดเตรียมเอกสาร โปรแกรม PEAK ช่วยลดระยะเวลาเหลือเพียง 1-2 นาที รวมไปถึงไม่ต้องคอยคอยดูสถานะการชำระเงิน และโทรติดตามเงินจากลูกค้าด้วยตัวเอง เพราะโปรแกรม PEAK ช่วยจัดการให้อัตโนมัติ ลดระยะเวลาการทำงาน ลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาด สามารถโฟกัสกับการพัฒนาธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น ทำงานได้เร็วขึ้น เพิ่มเวลาพัฒนาธุรกิจด้วยโปรแกรมบัญชี PEAK การบริหารเวลาในการทำธุรกิจเป็นเรื่องที่จำเป็นต่อการเติบโต เพราะหากผู้ประกอบการ หรือพนักงานต้องใช้เวลาไปกับการทำงานที่มีความจำเป็นน้อยกว่า เช่น การต้องคอยออกใบแจ้งหนี้เพื่อส่งให้ลูกค้า หรือคอยตามเงินเองทุกครั้ง ทำให้ไม่มีเวลาทำงานส่วนวิเคราะห์ หรือคิดหาไอเดียใหม่ ๆ ในการสร้างยอดขายที่ส่งผลต่อการเติบโตโดยตรง ก็มีโอกาสสูงที่จะทำให้ธุรกิจพัฒนาช้าไปด้วย ทำให้ฟีเจอร์รับชำระเงินของ PEAK เป็นตัวช่วยแก้ปัญหาเรื่องการจัดการเวลา ให้ทำงานด้านเอกสารเสร็จเร็วยิ่งขึ้น เพื่อให้มีเวลาในการโฟกัสกับการพัฒนาธุรกิจนั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันระบบ Payment Collection ของ PEAK สามารถเชื่อมต่อระบบกับธนาคารและผู้ให้บริการอื่น ๆ เช่น SCB QR Payment, Krungsri Bill Payment Collection, BBL QR Code Collection, Pay Solutions, Beam, ChillPay ซึ่ง PEAK ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาระบบรับชำระเงินแบบอัตโนมัติ ของเราอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถจัดการกับธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เตรียมความพร้อมสู่การเติบโตในอนาคต! ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาทคลิก (ไม่มีค่าใช้จ่าย)PEAK Call Center : 1485LINE : @peakaccountสอบถามเพิ่มเติม คลิก

ความรู้ธุรกิจความรู้บัญชี