จัดการสินทรัพย์ แยกประเภท เป็นเครื่องมือที่ช่วยใน การบริหารจัดการสินทรัพย์ภาย

จัดการสินทรัพย์ออนไลน์ สะดวกช่วยผู้บริหารทำงานง่ายขึ้น

โปรแกรมบริหารจัดการสินทรัพย์ PEAK Asset เป็นเครื่องมือที่ช่วยใน การบริหารจัดการสินทรัพย์ภายในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยสามารถเก็บข้อมูลของสินทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลชื่อ รูปภาพ หมวดหมู่ อายุการใช้งาน ช่วยให้สามารถติดตาม ตรวจเช็ค ตรวจสอบสินทรัพย์ได้และระบบยังสามารถคำนวณค่าเสื่อมราคาพร้อมกับลงบัญชีให้อัตโนมัติ ช่วยลดระยะเวลาการทำงานบัญชีของพนักงานบัญชีลงเป็นอย่างมาก

24,000 บริษัท
วางใจใช้งาน PEAK

30,000

บริษัท

วางใจใช้งาน PEAK

1,400 พันธมิตรสำนักงานบัญชี

1,400

พันธมิตร

PEAK Family Partner

4  ล้านธุรกรรมต่อเดือน บน PEAK

4

ล้านธุรกรรม/เดือน

ธุรกรรมบน PEAK ต่อเดือน

40,000 ล้าน บาท/เดือน

40,000

ล้าน บาท/เดือน

มูลค่ารายการค้าต่อเดือน

จุดเด่นและฟังก์ชันของ PEAK Asset
โปรแกรมบริหารจัดการสินทรัพย์ออนไลน์ที่ใช้งานง่ายที่สุด

คำนวณค่าเสื่อมราคา

คำนวณค่าเสื่อมราคา

คำนวณค่าเสื่อมราคาให้อัตโนมัติ

คำนวณกำไรขาดทุนจากการขายสินทรัพย์ให้อัตโนมัติ

การบริหารจัดการสินทรัพย์

การบริหารจัดการสินทรัพย์

มีการจัดหมวดหมู่ให้สินทรัพย์

สามารถอัปโหลดรูปภาพทำให้ติดตามได้ง่าย

รายงานข้อมูลตามความต้องการ

รายงานข้อมูลตามความต้องการ

มีรายงานมากกว่า 4 รูปแบบ สามารถเลือกได้ตามการใช้งาน

ระบุช่วงเวลาของรายงานได้ละเอียดที่สุดได้เป็นรายวัน

บันทึกบัญชีอัตโนมัติ

บันทึกบัญชีอัตโนมัติ

ลงบัญชีให้อัตโนมัติทุกขั้นตอนในการซื้อขายและใช้งานสินทรัพย์

ลดเวลาในการทำงาน การจัดการบัญชี และป้องกันข้อมูลตกหล่น

PEAK Asset เหมาะกับใคร?
ระบบบริหารจัดการสินทรัพย์ที่ตอบโจทย์ธุรกิจมากที่สุด

PEAK Asset สำหรับการบริหารจัดการสินทรัพย์ในธุรกิจ SME

ผู้ประกอบการ SME ที่ต้องการเครื่องมือด้านการบริหารจัดการสินทรัพย์

แยกหมวดหมู่และติดตามสินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพช่วยให้การบริหารสินทรัพย์เป็นเรื่องง่าย

PEAK Asset สำหรับการบริหารจัดการสินทรัพย์ในฝ่ายบุคคลและบัญชี

ตัวช่วยในการจัดการสินทรัพย์สำหรับผู้ดูแลสินทรัพย์และนักบัญชี

ระบบนั้นทำการคำนวณค่าเสื่อมราคา คำนวณกำไร – ขาดทุนจากการขายสินทรัพย์ พร้อมทั้งยังลงบัญชีเกี่ยวกับสินทรัพย์อัตโนมัติทุกรายการ

peakasset-peakaccount

บริหารจัดการสินทรัพย์ได้ดีกว่าเดิมเมื่อเชื่อมต่อระบบ PEAK Asset เข้ากับ PEAK Account

บันทึกบัญชีที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ทุกอย่างโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินทรัพย์ การขายสินทรัพย์การคำนวณค่าเสื่อมราคา รวมไปถึงสามารถคำนวณกำไรขาดทุนจากการขายสินทรัพย์ได้อีกด้วย

ราคาเริ่มต้น 1,200 บาท/เดือน โปรแกรมบริหารจัดการสินทรัพย์ PEAK Asset

บริหารธุรกิจ บัญชี การเงิน
และจัดการเงินเดือนได้ครบวงจร

เริ่มต้นเพียง 1,200 บาท/เดือน

รู้จัก PEAK Asset โปรแกรมบริหารจัดการสินทรัพย์ ใน 3 นาที

จัดการสินทรัพย์ได้ง่ายๆ ด้วย โปรแกรมบริหารจัดการสินทรัพย์ - PEAK Asset

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโปรแกรมบริหารจัดการสินทรัพย์ PEAK Asset

โปรแกรมบริการจัดการสินทรัพย์ สามารถบันทึกขายสินทรัพย์ออกจากกิจการได้ ซึ่งสามารถเลือกสร้างเอกสารขายสินทรัพย์ได้ตามคู่มือนี้ได้เลย 

การพิมพ์รายงานสินทรัพย์ในโปรแกรมบริการจัดการสินทรัพย์ (PEAK Asset)  สามารถพิมพ์ได้ทั้ง 2 รูปแบบ

  1. แบบสินทรัพย์แบบกลุ่มเพื่อดูภาพรวมของสินทรัพย์ทั้งหมดในกิจการ วิธีการพิมพ์รายงานคลิกอ่านที่นี่ 

2. รายงานสินทรัพย์รายตัวเพื่อดูความเคลื่อนไหวรายการซื้อ ขาย ยกมาของสินทรัพย์แบบลงรายละเอียด วิธีการพิมพ์รายงานคลิกอ่านที่นี่

โปรแกรมบริการจัดการสินทรัพย์ (PEAK Asset) คำนวณค่าเสื่อมราคาด้วยวิธีเส้นตรง  โดยจะคำนวณเมื่อบันทึกซื้อสินทรัพย์ หรือบันทึกสินทรัพย์ยกมา ซึ่งในกรณีที่บันทึกสินทรัพย์ยกมาจะสามารถกำหนดวันที่เริ่มให้ PEAK คิดค่าเสื่อมราคาได้

สูตรการคิดค่าเสื่อมราคาวิธีเส้นตรง

ค่าเสื่อมราคาต่อปี= (ราคาทุน-ราคาซาก)/ อายุการใช้งาน(จำนวนวัน)

ค่าเสื่อมราคาคืออะไร สำคัญกับกิจการอย่างไรคลิกอ่านเพิ่มที่นี่

วิธีการดูตารางการคำนวณค่าเสื่อมของสินทรัพย์รายตัว

โปรแกรมบริหารจัดการสินทรัพย์ (PEAK Asset) จะคำนวณค่าเสื่อมรายเดือนให้อัตโนมัติ และจะมีการสร้างสมุดบัญชีสำหรับการบันทึกค่าเสื่อมราคาให้ หากท่านมีการสร้างกลุ่มสินทรัพย์และเลือกให้ระบบคำนวณค่าเสื่อมราคา การคำนวณค่าเสื่อมราคาในโปรแกรมบริหารจัดการสินทรัพย์ (PEAK Asset)  จะแบ่งเป็น 2 ประเภท

  1. เมื่อมีการบันทึกซื้อสินทรัพย์เข้ามาระบบจะเริ่มคิดค่าเสื่อมให้ตั้งแต่วันที่ซื้อสินทรัพย์เข้ามา วิธีการบันทึกซื้อสินทรัพย์คลิกอ่านที่นี่
  2. เมื่อมีการบันทึกสินทรัพย์ยกมา ซึ่งเป็นการนำข้อมูลจากโปรแกรมบัญชีเดิมก่อนจะย้ายมาใช้ PEAK  ระบบจะสามารถให้เลือกได้ว่าจะให้โปรแกรมบริหารจัดการสินทรัพย์ (PEAK Asset) เริ่มคิดค่าเสื่อมเมื่อวันที่เท่าไหร่ วิธีการบันทึกสินทรัพย์ยกมาคลิกอ่านที่นี่

ซึ่งฟังก์ชันนี้เพื่อช่วยลดขั้นตอนในการทำงานของกิจการ

ผลิตภัณฑ์ของ PEAK

PEAK Account
โปรแกรมบัญชีออนไลน์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

PEAK Payroll
โปรแกรมเงินเดือนออนไลน์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

PEAK Board
โปรแกรมวิเคราะห์ธุรกิจ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

PEAK Asset
โปรแกรมบริหารจัดการสินทรัพย์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

PEAK Tax
โปรแกรมการจัดการภาษีออนไลน์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

Line @PEAKConnect
ใช้งานโปรแกรมผ่านไลน์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

บทความน่ารู้

Update Function PEAK 29/10/2025

PEAK Account

3

min

Update Function PEAK 29/10/2025

PEAK with the new function designed to enhance efficiency. 1. Enhanced “Recent” tab – now shows all document updates in real time Suitable for: All PEAK users who want to track every document change real time Highlight: The “Recent” tab has been redesigned to display real-time updates for all document activities — showing who made the change and when. Now you can easily monitor your latest document status. Note:  2. Added PR / IR / GR documents to each contact’s overview page Suitable for: Premium package users Highlight: The system now displays more document types in each contact’s overview page — including Purchase Requisition (PR), Goods Receipt (GR), and Invoice Receipt (IR) under the expense section. This helps you track all internal documents conveniently in one place. 3. Configure the “Payment” button for sending income documents via email Suitable for: Users connected to Payment Collection Highlight: You can now configure when to display the “Payment” button in emails for multiple document types — not just invoices. This allows customers to make payments easily directly from various types of emailed documents. Including: 4. PEAK TAX now allows you to view the history of Auto Fetch enable/disable actions Suitable for: PEAK TAX users using Auto fetch data feature Highlight: PEAK TAX now shows a history log of Auto Fetch setting changes, including who enabled or disabled the feature and when the change was made. This makes it easier to track Auto fetch data settings and resolve discrepancies quickly. Note:The system displays only changes made after this update release 5. Enhanced Product/Service reports — now display up to 4 decimal places Suitable for: Users who print product/service reports Highlight: Reports now show figures with up to four decimal places, ensuring greater accuracy. This update applies to: 2. Stock Movement Report — shows up to four decimal places across all columns 6. Updated Contact page to show only the 100 most recent documents, with more status filter options Suitable for: All PEAK users Highlight: The Overview Contact Dashboard now displays only the 100 most recent documents, helping pages load faster while allowing you to filter by document status more precisely.Previously, the system displayed all documents issued for each contact. 7. Updated User setting page — users can view only their own information, according to their access permissions Suitable for: All PEAK users Highlight: The User setting page has been updated so that users without permission to add new users can only view their own information. The “Add New User” button is now hidden for these users to prevent unauthorized data access.

ฟังก์ชันใหม่แนะนำการใช้งาน

อัปเดตฟังก์ชัน PEAK 29/10/2025

PEAK Account

7

min

อัปเดตฟังก์ชัน PEAK 29/10/2025

เอาใจผู้ใช้งานโปรแกรม PEAK ด้วยฟังก์ชันใหม่ที่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น 1. ปรับแถบ “ล่าสุด” ให้เห็นทุกการอัปเดตของเอกสารแบบเรียลไทม์ เหมาะสำหรับ : ผู้ใช้งานทุกแพ็กเกจ ที่ต้องการดูความเคลื่อนไหวของเอกสารครบทุกขั้นตอน Highlight:  แถบ “ล่าสุด” ถูกปรับใหม่ให้แสดงการ อัปเดตล่าสุดของเอกสาร ตามเวลาจริง โดยจะมีการแสดงว่าใครเป็นคนแก้ไขเอกสาร และแสดงเวลาที่แก้ไขเอกสารนั้น ๆ ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบสถานะล่าสุดของเอกสารได้สะดวกมากยิ่งขึ้น หมายเหตุ 2. เพิ่มการแสดงผลเอกสาร PR/IR/GR ในหน้าภาพรวมของผู้ติดต่อแต่ละราย เหมาะสำหรับ : ผู้ใช้งานแพ็กเกจ Premium Highlight: ระบบเพิ่มให้แสดงเอกสารในหน้าภาพรวมของผู้ติดต่อแต่ละราย ที่อยู่ในฝั่งรายจ่ายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ใบขอซื้อ (PR) บันทึกรับสินค้า/บริการ (GR) บันทึกรับเอกสารแจ้งหนี้ (IR) ช่วยให้ติดตามเอกสารภายในได้สะดวกและเห็นทุกความเคลื่อนไหวในหน้าเดียว 3. ตั้งค่าการแสดงผลปุ่ม “ชำระเงิน” สำหรับการส่งอีเมลในเอกสารฝั่งรายรับได้หลากหลายยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับ: ผู้ใช้งานที่มีการเชื่อมต่อระบบการรับชำระเงิน Highlight: ระบบเปิดให้ผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าการแสดงผลปุ่ม “ชำระเงิน” เมื่อส่งเอกสารผ่านอีเมลได้หลากหลายเอกสาร จากเดิมที่สามารถตั้งค่าได้เฉพาะการส่งอีเมลด้วย ใบแจ้งหนี้ เท่านั้น ช่วยให้ผู้ใช้งานรับชำระเงินจากการส่งเอกสารผ่านทางอีเมลได้สะดวกมากยิ่งขึ้น เอกสารที่สามารถตั้งค่าได้ 4. PEAK TAX สามารถดูประวัติการเปิด-ปิดดึงข้อมูลอัตโนมัติได้แล้ว เหมาะสำหรับ: ผู้ใช้งาน PEAK TAX ที่มีการใช้งานการดึงข้อมูลอัตโนมัติ Highlight: ฟีเจอร์ PEAK TAX จะแสดงประวัติในการตั้งค่าเปิด-ปิดการดึงข้อมูลอัตโนมัติ (Auto Fetch) ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบได้ว่าผู้ใช้งานคนไหนได้มีการแก้ไขตั้งค่าการดึงข้อมูล และแสดงเวลาที่มีการแก้ไข ช่วยให้ติดตามการตั้งค่าของข้อมูลได้ง่ายขึ้น ลดข้อสงสัยเมื่อข้อมูลมีการเปลี่ยนแปลง หมายเหตุ 5. ปรับการแสดงผลรายงานในหน้าสินค้า/บริการ ให้สามารถแสดงผลจุดทศนิยมได้สูงสุด 4 ตำแหน่ง เหมาะสำหรับ: ผู้ใช้งานที่มีการพิมพ์รายงานสินค้า/บริการ Highlight: ระบบปรับให้รายงานสินค้า/บริการแสดงตัวเลขได้แม่นยำยิ่งขึ้น โดยจะแสดงทศนิยมได้สูงสุดถึง 4 ตำแหน่ง ซึ่งในการอัปเดตครั้งนี้จะแสดงผลในรายงานภาพรวมสินค้า/บริการและรายงานเคลื่อนไหวสินค้า/บริการรายตัว ช่วยให้ผู้ใช้งานเห็นข้อมูลของรายงานสินค้า/บริการที่ละเอียดมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างรายงาน 2. รายงานการเคลื่อนไหวสินค้า/บริการแบบรายตัว จะแสดงผลในทุกคอลัมน์ 6. ปรับการแสดงผลเอกสารในหน้าผู้ติดต่อแต่ละรายให้แสดงเฉพาะเอกสาร 100 รายการล่าสุด และเลือกสถานะเอกสารได้มากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับ : ผู้ใช้งานทุกแพ็กเกจ Highlight: ระบบปรับให้ Dashboard ในหน้าผู้ติดต่อแสดงเฉพาะเอกสาร 100 รายการล่าสุด และสามารถเลือกสถานะในการแสดงผลได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ช่วยให้สามารถตรวจสอบเอกสารของผู้ติดต่อแต่ละรายได้ละเอียดมากยิ่งขึ้น เดิม : เป็นการแสดงผลเอกสารทั้งหมดที่มีการออกให้ผู้ติดต่อแต่ละราย 7. ปรับหน้า “ผู้ใช้งาน” ให้เห็นเฉพาะข้อมูลของตัวเอง ตามสิทธิ์การใช้งานที่ได้รับ เหมาะสำหรับ : ผู้ใช้งานทุกแพ็กเกจ  Highlight: ระบบได้ปรับหน้า “ผู้ใช้งาน” ให้ผู้ที่ไม่ได้รับสิทธิ์เพิ่มผู้ใช้งาน สามารถเข้ามาดูได้เฉพาะข้อมูลของตนเองเท่านั้น และปิดการแสดงผลปุ่ม “เพิ่มผู้ใช้งานใหม่” เพื่อให้ป้องกันการแสดงข้อมูลให้กับผู้ใช้งานอื่นที่ไม่มีสิทธิ์

ฟังก์ชันใหม่แนะนำการใช้งาน

ยื่น ภ.ง.ด.50 ไม่พลาด! เจาะลึกภาษีประจำปีนิติบุคคล

PEAK Account

15

min

ยื่น ภ.ง.ด.50 ไม่พลาด! เจาะลึกภาษีประจำปีนิติบุคคล

ภ.ง.ด.50 คืออะไร? คำถามที่เจ้าของกิจการหน้าใหม่หลายท่านอาจสงสัย กับแบบยื่นเสียภาษีประจำปีของธุรกิจ ว่าต้องยื่นเมื่อไหร่ ใครต้องยื่นบ้าง และมีแนวทางปฏิบัติอย่างไรให้สามารถยื่นภาษีได้อย่างถูกต้อง บทความนี้เราพร้อมตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับแบบยื่นภาษีประจำปี นี้ให้คุณ ภ.ง.ด.50 คือเอกสารเกี่ยวข้องกับอะไร? ภ.ง.ด.50 คือ แบบที่ใช้สำหรับการยื่นแสดงรายการภาษีเงินได้ของธุรกิจที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประจำปี ที่จะเป็นการนำรายงานงบการเงินตั้งแต่รายได้ รายจ่าย กำไรสุทธิ และนำมาปรับปรุงให้เป็นกำไรทางภาษีเพื่อใช้คำนวณภาษีที่ต้องชำระรอบสิ้นสุดระยะบัญชี ใครบ้างที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีนี้? สำหรับนิติบุคคลที่.ที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการนี้ คือ คือ บริษัทจำกัด บริษัทจำกัดมหาชน ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล และนิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย รวมไปถึงบริษัทต่างชาติที่จดทะเบียนเปิดสาขาในประเทศไทย อย่างไรก็ตามจะมีนิติบุคคลบางประเภทที่ได้รับการยกเว้นภาษี เช่น องค์กรภาครัฐ บริษัทที่เปิดขึ้นจากข้อตกลงร่วมกันระหว่างรัฐบาลไทยและต่างประเทศ และอื่น ๆ กำหนดเวลาการยื่น แบบแสดงรายการภาษีประจำปี การยื่นแบบแสดงรายการภาษีประจำปีนี้ จะเป็นการยื่นหลังจากสิ้นรอบบัญชีในแต่ละปี ซึ่งมีกำหนดให้เจ้าของกิจการนิติบุคคลที่มีหน้าที่เสียภาษี ต้องยื่นแบบแสดงรายการนี้ ภายใน 150 วันนับจากสิ้นรอบบัญชี ยกตัวอย่างการนับวันในการยื่นภาษี ในกรณีที่รอบบัญชีสิ้นปีคือวันที่ 31 ธ.ค. 2025 สามารถนับจำนวนวัน 150 วันได้เลย ดังนั้นวันสุดท้ายที่สามารถยื่นแบบแสดงรายการ คือ วันที่ 30 พ.ค. 2026 นั่นเอง แนะนำให้เจ้าของกิจการตรวจสอบกรอบในการยื่นเอกสาร และจัดเตรียมเอกสารสำหรับการยื่นภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการยื่นล่าช้าที่มีทั้งค่าปรับ เงินเพิ่ม และเสี่ยงถูกตรวจสอบจากสรรพากร บทลงโทษหากไม่ได้ยื่น หรือยื่นล่าช้า แบบยื่นภาษีประจำปี คือ แบบยื่นด้านบัญชีที่สำคัญ และเจ้าของกิจการที่มีหน้าที่เสียภาษีส่วนนี้ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ไม่เช่นนั้นจะมีบทลงโทษดังนี้ การไม่ยื่นหรือยื่นล่าช้า และไม่ถูกต้อง มาพร้อมบทลงโทษมากมายที่นอกจากเสียเงินเพิ่มโดยไม่จำเป็น ยังมีโอกาสถูกตรวจสอบเพิ่ม ด้วยเหตุนี้เราขอแนะนำให้เจ้าของกิจการจัดการบริหารด้านภาษีด้วยความรอบคอบ ยื่นให้ตรงกรอบเวลาที่กำหนด และตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารเสมอ เอกสารที่ต้องใช้ประกอบการยื่น ในส่วนของเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการยื่น จะเอกสารที่เกี่ยวข้องกับงบการเงินเป็นส่วนใหญ่ โดยเอกสารที่ต้องใช้ประกอบไปด้วย จากเอกสารทั้ง 5 ส่วนจะเห็นเป็นเอกสารที่ใช้เพื่อเป็นหลักฐานการคำนวณภาษีที่ต้องชำระจากกำไรสุทธิจริง ทำให้ในส่วนนี้จะแตกต่างจาก ภงด 51 หรือแบบยื่นภาษีครึ่งปีของเจ้าของกิจการ ที่จะใช้การประมาณการกำไรสุทธิเพื่อคำนวณ นอกจากนี้ยังอาจมีการขอเอกสารอื่นเพิ่มเติมจากกรมสรรพากรหากมีความจำเป็น วิธีการยื่นแบบแสดงรายการ การยื่นแบบแสดงรายการภาษีประจำปี สามารถทำการยื่นได้ 2 รูปแบบ ทั้งการยื่นเอกสารแบบกระดาษด้วยตนเองที่สำนักงานสรรพากรในพื้นที่ หรือการยื่นผ่านระบบ e-Filing บนเว็บไซต์ของกรมสรรพากร ซึ่งรูปแบบหลังจะสะดวกมากกว่า และจะได้ขยายเวลาในการยื่นเพิ่มอีก 8 วันหลังจากครบกำหนด 150 วัน (มีกรอบเวลายื่น 158 วัน) เช่น หากระยะรอบบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.  2025 จะสามารถยื่นภาษีผ่านช่องทางออนไลน์ได้ถึงวันที่ 7 มิ.ย. 2026 ภ.ง.ด.50 vs ภ.ง.ด.51 ต้องยื่นทั้งคู่ไหม? นอกจาก ภ.ง.ด.50 แล้ว เจ้าของกิจการอาจเคยได้ยิน ภ.ง.ด.51 หรือแบบภาษีครึ่งปีกันมาบ้าง ซึ่งในหนึ่งระยะรอบบัญชีเจ้าของกิจการจำเป็นต้องยื่นทั้งสองแบบ โดย ภ.ง.ด.50 จะเป็นแบบยื่นภาษีเมื่อสิ้นสุดระยะรอบบัญชี แต่ ภ.ง.ด.51 จะเป็นแบบยื่นภาษีครึ่งปี เพื่อจ่ายภาษีล่วงหน้าในกรณีที่มีกำไรในช่วงครึ่งปีแรก ทั้งนี้ในกรณีที่ธุรกิจขาดทุนในช่วงครึ่งปีแรก เจ้าของกิจการไม่ต้องยื่น ภ.ง.ด.51 (ภาษีครึ่งปี) แต่ยังคงจำเป็นต้องยื่น ภ.ง.ด.50 (ภาษีประจำปี) เช่นเดิม วิธียื่น ภ.ง.ด.50 ออนไลน์ผ่านระบบ e-Filing ในปัจจุบันการยื่นแบบแสดงรายการนี้ สามารถทำได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ด้วยการยื่นผ่านระบบ e-Filling ที่เจ้าของกิจการหรือผู้ได้รับมอบหมายสามารถกรอกข้อมูลในแบบยื่น กรอกรายการคำนวณภาษี ไปจนถึงขั้นตอนการชำระภาษีครบในที่เดียวผ่านระบบออนไลน์ โดยสามารถยื่นแบบด้วยตัวเองได้ที่เว็บไซต์ ? วิธีการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับยื่น ภ.ง.ด.50 เจ้าของกิจการหลายท่านอาจเข้าใจว่าสามารถใช้ตัวเลขจากงบการเงินในการคำนวณภาษีที่ต้องเสียได้ทันที แต่ตามความเป็นจริงแล้วต้องนำตัวเลขดังกล่าวมาทำการปรับปรุงจาก ‘กำไรทางบัญชี’ ให้เป็น ‘กำไรทางภาษี’ ก่อน เพื่อใช้ในการคำนวณ โดยมีวิธีการปรับปรุงเบื้องต้นดังนี้ นำตัวเลขทั้งสามส่วนมารวมกันก่อน จึงจะได้เป็นตัวเลขกำไรทางภาษีที่สามารถนำมาคำนวณภาษีที่ต้องเสีย ยกตัวอย่างการคำนวณ กำไรจากงบการเงิน 1,000,000 บาท ค่าใช้จ่ายต้องห้าม 10,000 บาท เบี้ยปรับเงินเพิ่ม 5,000 บาท ดังนั้นกำไรทางภาษีคือ 1,015,000 บาท ซึ่งตัวเลข 1,015,000 คือตัวเลขของกำไรที่จะนำมาใช้ในการคำนวณภาษีจริง ถัดมาก็จะนำตัวเลขดังกล่าวมาใช้ในการคำนวณกับ อัตราภาษี ตัวอย่างการคำนวณ กรณีที่มีอัตราภาษี 20% กำไรทางภาษี x 20% = ภาษีที่ต้องชำระ แทนสูตร 1,015,000 x 20% = 203,000 หลังจากนั้นให้นำภาษีที่ต้องชำระมาหักกับ ภาษีหัก ณ ที่จ่าย และจำนวนภาษีครึ่งปีที่เราได้ชำระไปในตอนยื่น ภ.ง.ด.51 เมื่อช่วงกลางปี ยกตัวอย่างเช่น มีรายการภาษีหัก ณ ที่จ่ายตลอดปีรวมกัน 50,000 บาท และชำระภาษีเงินได้ครึ่งปีไปแล้ว 30,000 บาท ให้นำตัวเลขมาหักลบออกจากภาษีที่ต้องชำระดังนี้ 203,000 – 50,000 – 30,000 = 123,000 บาท ดังนั้นหมายความว่าจำนวนภาษีที่ต้องชำระจริงคือ 123,000 บาท เคล็ดลับยื่น แบบแสดงรายการภาษีประจำปี ให้ถูกต้องและทันเวลา เพราะการยื่นแบบแสดงรายการภาษีประจำปี ให้ถูกต้องและทันเวลาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเจ้าของกิจการ เพื่อให้ไม่ให้เสียเงิน และเสียเวลาเพิ่มโดยใช้เหตุ เรามี 4 เคล็ดลับสำหรับเจ้าของกิจการมาฝากกัน เตรียมงบการเงินล่วงหน้า การเตรียมงบการเงินล่วงหน้าช่วยให้สามารถทำการปรับปรุงคำนวณภาษีได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่ควรรอให้ใกล้ถึงเวลายื่นแบบแล้วค่อยจัดการ เพราะอาจนำไปสู่ข้อผิดพลาดในการคำนวณได้ ตรวจสอบรายการบันทึกบัญชีให้ครบถ้วน การตรวจสอบรายการบัญชีให้ครบถ้วนก็เป็นอีกหนึ่งข้อสำคัญ โดยสามารถทำได้จากการ กระทบยอด (Bank Reconciliation) เพื่อเปรียบเทียบธุรกรรมจากธนาคาร และธุรกรรมที่ได้ทำการบันทึกบัญชีให้ตรงกัน ใช้ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต (CPA) ที่มีประสบการณ์ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต หรือ CPA เป็นบุคคลภายนอกบริษัทที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบข้อมูล และความถูกต้องในงบการเงินของบริษัท การที่มีผู้สอบบัญชีที่มีประสบการณ์สูง ช่วยให้มั่นใจได้ถึงความถูกต้องครบถ้วนในการคำนวณภาษี ใช้โปรแกรมบัญชี หรือบริการสำนักงานบัญชีช่วยจัดการ การใช้โปรแกรมบัญชีที่สามารถช่วยจัดการบัญชีได้อย่างเป็นระบบ บันทึกข้อมูลได้แม่นยำ และสามารถจัดการเอกสารด้านบัญชีและการเงินได้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้นักบัญชีในองค์กรสามารถบริหารจัดการภาษีได้อย่างถูกต้อง แต่ถ้าธุรกิจของคุณยังไม่มีเจ้าหน้าที่บัญชีช่วยจัดการตรงส่วนนี้ อาจใช้บริการสำนักงานบัญชีเข้ามาช่วยจัดการด้านภาษีเพื่อความถูกต้องมากขึ้นได้เช่นกัน ภ.ง.ด.50 เอกสารสำคัญด้านภาษีที่เจ้าของกิจการควรรู้จัก เมื่ออ่านถึงตรงนี้เจ้าของกิจการน่าจะพอทราบกันมากขึ้นแล้วว่า ภ.ง.ด.50 คือ เอกสารที่ใช้สำหรับการยื่นภาษีประจำปี หากไม่ได้ยื่น ยื่นไม่ครบถ้วน หรือยื่นล่าช้าก็จะมาพร้อมค่าปรับ หรือเบี้ยปรับ และอาจนำไปสู่การตรวจสอบจากกรมสรรพากรได้เช่นกัน ดังนั้นเจ้าของกิจการควรให้ความสำคัญ และตรวจสอบการยื่นภาษีประจำปีอย่างดี เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง ซึ่งการเลือกใช้โปรแกรมบัญชีออนไลน์ PEAK ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำหรับเจ้าของกิจการ ที่สามารถช่วยลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาดในการจัดการภาษีได้ ด้วยฟีเจอร์ด้านการจัดการเอกสาร การบันทึกบัญชี และอื่น ๆ อีกมากมาย ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาทคลิก   (ไม่มีค่าใช้จ่าย)PEAK Call Center : 1485LINE : @peakaccountสอบถามเพิ่มเติม คลิก 

Update Function PEAK 29/10/2025

PEAK Account

3

min

Update Function PEAK 29/10/2025

PEAK with the new function designed to enhance efficiency. 1. Enhanced “Recent” tab – now shows all document updates in real time Suitable for: All PEAK users who want to track every document change real time Highlight: The “Recent” tab has been redesigned to display real-time updates for all document activities — showing who made the change and when. Now you can easily monitor your latest document status. Note:  2. Added PR / IR / GR documents to each contact’s overview page Suitable for: Premium package users Highlight: The system now displays more document types in each contact’s overview page — including Purchase Requisition (PR), Goods Receipt (GR), and Invoice Receipt (IR) under the expense section. This helps you track all internal documents conveniently in one place. 3. Configure the “Payment” button for sending income documents via email Suitable for: Users connected to Payment Collection Highlight: You can now configure when to display the “Payment” button in emails for multiple document types — not just invoices. This allows customers to make payments easily directly from various types of emailed documents. Including: 4. PEAK TAX now allows you to view the history of Auto Fetch enable/disable actions Suitable for: PEAK TAX users using Auto fetch data feature Highlight: PEAK TAX now shows a history log of Auto Fetch setting changes, including who enabled or disabled the feature and when the change was made. This makes it easier to track Auto fetch data settings and resolve discrepancies quickly. Note:The system displays only changes made after this update release 5. Enhanced Product/Service reports — now display up to 4 decimal places Suitable for: Users who print product/service reports Highlight: Reports now show figures with up to four decimal places, ensuring greater accuracy. This update applies to: 2. Stock Movement Report — shows up to four decimal places across all columns 6. Updated Contact page to show only the 100 most recent documents, with more status filter options Suitable for: All PEAK users Highlight: The Overview Contact Dashboard now displays only the 100 most recent documents, helping pages load faster while allowing you to filter by document status more precisely.Previously, the system displayed all documents issued for each contact. 7. Updated User setting page — users can view only their own information, according to their access permissions Suitable for: All PEAK users Highlight: The User setting page has been updated so that users without permission to add new users can only view their own information. The “Add New User” button is now hidden for these users to prevent unauthorized data access.

ฟังก์ชันใหม่แนะนำการใช้งาน