โปรแกรมบัญชีออนไลน์ เห็นกำไร-ขาดทุน แบบ Real-Time

โปรแกรมบัญชีออนไลน์ที่ช่วยให้จัดการธุรกิจของคุณง่ายขึ้น เห็นกำไร-ขาดทุนแบบ Real-Time

ครบทุกฟังก์ชันด้านบัญชี การจัดการงานเอกสารภายในธุรกิจ ช่วยให้คุณจัดการงานบัญชีได้มีประสิทธิภาพ เป็นระบบ และนำข้อมูลไปใช้ในการตัดสินใจได้


รายรับ: ออกใบเสนอราคา ใบแจ้งหนี้ ใบเสร็จรับเงิน ใบกำกับภาษี ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ใบลดหนี้/เพิ่มหนี้ และใบวางบิล


รายจ่าย: บันทึกค่าใช้จ่าย ออกใบสั่งซื้อ และจัดการซื้อสินค้าได้อย่างง่ายดาย รวมไปถึงการออกหนังสือรับรองแทนใบเสร็จรับเงิน ให้คุณช่วยบันทึกค่าใช้จ่ายได้ครบถ้วนยิ่งขึ้น


ข้อมูลธุรกิจ: จัดเก็บและติดตามข้อมูลลูกค้า ประวัติการซื้อขาย ระยะเวลาเฉลี่ยที่ลูกค้าชำระเงิน สินค้า และต้นทุนขาย พร้อมรายงานการเคลื่อนไหวสินค้า


การเงินและบัญชี: สรุปผลประกอบการที่สำคัญได้ในแบบเรียลไทม์ รองรับงานบัญชีครบถ้วน เช่น สมุดบัญชีรายวัน รายงานแยกประเภท งบกำไรขาดทุน งบฐานะการเงิน และงบกระแสเงินสด ช่วยให้คุณจัดการการเงินในธุรกิจด้วยปฏิธินเงินเข้าออก การกระทบยอดเคลื่อนไหวธนาคาร


ภาษี: ช่วยทำรายงาน และสรุปแบบภาษี ทั้งภาษีมูลค่าเพิ่ม ภ.พ. 30 และภาษีหัก ณ ที่จ่าย ภ.ง.ด.1, ภ.ง.ด.2, ภ.ง.ด.3, ภ.ง.ด.53 ให้คุณจัดการภาษีได้อย่างเป็นระบบ


ช่วยให้การทำบัญชีเป็นเรื่องง่าย พร้อมวิเคราะห์ข้อมูลได้แม่นยำ ธุรกิจเติบโตได้อย่างมั่นใจ!

24,000 บริษัท
วางใจใช้งาน PEAK

30,000

บริษัท

วางใจใช้งาน PEAK

1,400 พันธมิตรสำนักงานบัญชี

1,400

พันธมิตร

PEAK Family Partner

4  ล้านธุรกรรมต่อเดือน บน PEAK

4

ล้านธุรกรรม/เดือน

ธุรกรรมบน PEAK ต่อเดือน

40,000 ล้าน บาท/เดือน

40,000

ล้าน บาท/เดือน

มูลค่ารายการค้าต่อเดือน

ระบบต่างๆของ PEAK Account

รายรับ

รองรับทุกกระบวนการในการขายตั้งแต่การเสนอราคา รับมัดจำ แจ้งหนี้ วางบิล แบ่งงวดชำระ ออกใบเสร็จ รับเช็ค เห็นต้นทุน/กำไรของเอกสารแต่ละใบได้ทันที พร้อมฟังก์ชันส่งเอกสารทางอีเมล ให้ลูกค้าชำระเงินผ่านออนไลน์ได้ทันที และเชื่อมส่ง e-Tax ตามมาตรฐานกรมสรรพากร

ตัวอย่างฟีเจอร์

ใบเสนอราคา

ใบส่งของ/ใบแจ้งหนี้

ใบวางบิล

ใบเสร็จรับเงิน

ใบกำกับภาษีขาย

e-Tax Invoice

ใบลดหนี้/ใบเพิ่มหนี้

สร้างเอกสารด้วยการ Import ข้อมูลจากไฟล์ Excel

สร้างเอกสารด้วยการเชื่อม API

ส่งอีเมลจากโปรแกรม PEAK

ตั้งรหัสการเข้าถึงเอกสาร

รายจ่าย

รองรับการบันทึกรายจ่ายที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายแบบมีเงินมัดจำ หรือจ่ายชำระเป็นงวดๆ อีกทั้งการบันทึกซื้อสินค้าระบบก็รับสินค้าเข้าสต็อกให้อัตโนมัติ โดยทุกรายการจ่ายสามารถแนบเอกสารไว้เป็นหลักฐานเพื่อตรวจสอบย้อนหลังได้

ตัวอย่างฟีเจอร์

ใบสั่งซื้อ

บันทึกซื้อสินค้า/ค่าใช้จ่าย/สินทรัพย์

ใบรับรองแทนใบเสร็จรับเงิน

ใบรวมจ่าย

บันทึกรับใบลดหนี้/เพิ่มหนี้

รายงานใบกำกับภาษีซื้อ

สถานะเอกสาร ช่วยป้องกันข้อมูลตกหล่น

บันทึกรายจ่ายด้วยการ Import ข้อมูลจากไฟล์ Excel

ผู้ติดต่อ

รองรับการจัดเก็บข้อมูลแบ่งตาม ลูกค้าและผู้ขาย จัดกลุ่มลูกค้าแบ่งตามหมวดหมู่ต่าง ๆ เช่น ฝ่ายขายที่ดูแล ประเภทธุรกิจ เป็นต้น พร้อมรายงานแสดงผลอายุลูกหนี้-เจ้าหนี้ รายงานสรุปยอดขาย ยอดค้างชำระ ยอดวงเงินเชื่อคงเหลือ

ตัวอย่างฟีเจอร์

รายงานอายุลูกหนี้

รายงานอายุเจ้าหนี้

ดูยอดขายตามลูกค้า

จัดกลุ่มผู้ติดต่อ

กำหนดวงเงินขายเชื่อ

วิเคราะห์ข้อมูลผู้ติดต่อรายคน

สินค้า

รองรับการสร้างรายชื่อสินค้าและบริการ ตั้งราคาขายได้หลายราคา บันทึกบัญชีได้ทั้งแบบต่อเนื่อง (Perpetual) และแบบสิ้นงวด (Periodic) พร้อมคำนวณต้นทุนขายอัตโนมัติ ด้วยวิธีเข้าก่อน-ออกก่อน (FIFO) และมีรายงานแสดงการเคลื่อนไหวสินค้า ยอดสินค้าคงเหลือ และต้นทุนขายตามช่วงเวลา

ตัวอย่างฟีเจอร์

กำหนดราคามาตรฐาน

บันทึกเข้าสต็อกอัตโนมัติ

เพิ่มหน่วยสินค้า

คำนวณต้นทุนขาย (FIFO)

เพิ่มบาร์โค้ด รูปภาพสินค้า

วิเคราะห์ประวัติสินค้ารายตัว

การเงิน

รองรับการเชื่อมต่อธนาคาร แพลตฟอร์มการชำระเงิน และ e-Wallet พร้อมฟังก์ชันกระทบยอดอัตโนมัติ เพียง Import รายการธุรกรรม ประหยัดเวลาและสะดวกยิ่งขึ้น

ตัวอย่างฟีเจอร์

เงินสดย่อย/ธนาคาร/e-wallet

กระทบยอดธนาคารอัตโนมัติ

เชื่อมต่อกับธนาคารได้

เช็ครับ-เช็คจ่าย

สำรองรับ-จ่าย

ตารางเงินเข้า-ออก

บัญชี

บันทึกบัญชีอัตโนมัติ (เดบิตและเครดิต) พร้อมรายงานแยกประเภท เรียกดูงบทดลอง งบฐานะการเงิน งบกำไร ขาดทุน และงบกระแสเงินสดได้ตามช่วงเวลาที่ต้องการ เปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงได้ และมี AI ตรวจสอบความถูกต้องของรายการบัญชี

ตัวอย่างฟีเจอร์

งบฐานะการเงิน

งบกำไรขาดทุน

งบกระแสเงินสด

งบทดลอง

ผังบัญชี บัญชีรายวัน

บัญชีแยกประเภท

AI ตรวจสอบสมุดบัญชีรายวัน

AI ตรวจสอบยอดคงเหลือ

จุดเด่นของ PEAK Account
โปรแกรมบัญชีออนไลน์ที่ใช้งานง่ายที่สุด

โปรแกรมบัญชี สวยงาม ใช้งานง่าย

สวยงาม ใช้งานง่าย

สร้างเอกสารได้หลายวิธี รองรับสกุลเงินตราต่างประเทศ

เลือกธีมสี หรือใส่โลโก้ของธุรกิจได้

บันทึกบัญชีอัตโนมัติ

บันทึกบัญชีอัตโนมัติ

รองรับการบันทึกทั้ง “แบบต่อเนื่อง” และ “แบบสิ้นงวด”

อัปเดทรายการเคลื่อนไหวสต็อกสินค้าแบบ
Real-Time

ดูรายงานได้อย่างสุดปัง

ดูรายงานได้อย่างสุดปัง

มีรายงานหลายรูปแบบที่รองรับทุกความต้องการ

ดูรายงานได้ทุกเวลาเนื่องจากเป็นระบบ Real-Time

การรับชำระ - จ่ายชำระ

การรับชำระ – จ่ายชำระ

รองรับเงินมัดจำ หรือแบ่งเป็นงวดๆได้

รองรับการชำระออนไลน์, เช็ค, e-Wallet ก็ได้

การตรวจสอบอัตโนมัติ

การตรวจสอบอัตโนมัติ

กระทบยอดธนาคารอัตโนมัติเพียง import file

AI ช่วยตรวจสอบการบันทึกบัญชีที่ผิดพลาด

เชื่อมต่อกับระบบการทำงานอื่น

เชื่อมต่อกับระบบการทำงานอื่น

PEAK Payroll, PEAK Asset, PEAK Tax, PEAK Board

รองรับ e-Tax Invoice ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์

PEAK Account เหมาะกับใคร?
โปรแกรมบัญชีออนไลน์ที่ตอบโจทย์มากที่สุด

โปรแกรมบัญชีออนไลน์สำหรับผู้ประกอบการและเจ้าของธุรกิจ SME

ผู้ประกอบการที่ต้องการ
เครื่องมือช่วยบริหารธุรกิจ

PEAK Account เป็นมากกว่าโปรแกรมบัญชีออนไลน์ ด้วยการรวมข้อมูลสำคัญทางธุรกิจไว้ในที่เดียว อีกทั้งยังสามารถใช้งานร่วมกันได้หลายแผนก ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายขาย ฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายบัญชี-การเงิน ฝ่ายบุคคล ที่จะช่วยให้ผู้ใช้ข้อมูลสามารถการตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

โปรแกรมบัญชีออนไลน์สำหรับฝ่ายบุคคลและนักบัญชี

ธุรกิจ e-Commerce

เชื่อมต่อแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ Shopee, Lazada, TikTok Shop, LINE Shopping และอื่นๆ

logo PEAK Account โปรแกรมบัญชีออนไลน์

PEAK Account เป็นได้มากกว่าโปรแกรมบัญชีออนไลน์ ปลดล็อคขีดจำกัดในการทำธุรกิจด้วยการเชื่อมต่อกับ PEAK Ecosystem

logo PEAK Payroll โปรแกรมเงินเดือนออนไลน์

โปรแกรมเงินเดือนออนไลน์

logo PEAK Board โปรแกรมวิเคราะห์ธุรกิจ

โปรแกรมวิเคราะห์ธุรกิจออนไลน์

logo PEAK Asset โปรแกรมบริหารจัดการสินทรัพย์

โปรแกรมบริหารจัดการสินทรัพย์

logo PEAK Tax โปรแกรมการจัดการภาษีออนไลน์

โปรแกรมบริหารจัดการภาษี

ราคาเริ่มต้น 1,200 บาท/เดือน โปรแกรมบัญชีออนไลน์ PEAK Account

บริหารธุรกิจ บัญชี การเงิน
และจัดการเงินเดือนได้ครบวงจร

เริ่มต้นเพียง 1,200 บาท/เดือน

รู้จัก PEAK Account โปรแกรมบัญชีออนไลน์ ใน 3 นาที

จัดการบัญชีง่ายๆ ด้วยโปรแกรมบัญชีออนไลน์ครบวงจร - PEAK Account

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโปรแกรมบัญชีออนไลน์ PEAK Account

ผลิตภัณฑ์ของ PEAK

PEAK Account
โปรแกรมบัญชีออนไลน์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

PEAK Payroll
โปรแกรมเงินเดือนออนไลน์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

PEAK Board
โปรแกรมวิเคราะห์ธุรกิจ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

PEAK Asset
โปรแกรมบริหารจัดการสินทรัพย์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

PEAK Tax
โปรแกรมการจัดการภาษีออนไลน์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

Line @PEAKConnect
ใช้งานโปรแกรมผ่านไลน์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

บทความน่ารู้

PEAK Account

16

min

e-Tax Invoice ตัวช่วยจัดการเอกสาร ลดความยุ่งยากให้ธุรกิจ SMEs

ก้าวเข้าสู่ปี 2568 ในยุคที่เกือบทุกสิ่งล้วนเปลี่ยนมาอยู่บนดิจิตอลแทบทั้งหมด ประเทศไทยก็พัฒนาตามยุคสมัยในหลายด้าน รวมไปถึงด้านเอกสารต่าง ๆ ที่หน่วยงานส่วนใหญ่เปลี่ยนมาใช้รูปแบบอิเล็กทรอนิกส์เกือบทั้งหมดแล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ e-Tax Invoice หรือใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ที่กรมสรรพากรส่งเสริมให้ผู้ประกอบปัจจุบันการเปลี่ยนมาใช้ เพราะช่วยลดความยุ่งยากด้านงานเอกสาร และเป็นรูปแบบที่สอดคล้องกับกฎหมายในปัจจุบันอีกด้วย ในบทความนี้ PEAK ขอพาผู้อ่านทุกท่านไปทำความรู้จักกับใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ให้มากขึ้น จะเป็นอย่างไรบ้างมาติดตามกันได้เลย e-Tax Invoice คืออะไร? e-Tax Invoice หรือใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ คือ รูปแบบการออกใบกำกับภาษีอยู่ในรูปแบบออนไลน์เพื่อตอบสนองพฤติกรรมการซื้อขายของชาวไทยที่นิยมซื้อผ่านช่องทางออนไลน์กันมากขึ้น สามารถส่งเอกสารให้ผู้ซื้อสินค้าหรือบริการ รวมไปถึงสามารถส่งเอกสารออนไลน์ให้กรมสรรพากรได้ทันทีเช่นกัน ทำให้การเปลี่ยนมาใช้ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ช่วยให้ธุรกิจ SMEs สามารถจัดการกับเอกสารได้สะดวกมากยิ่งขึ้น  ข้อมูลจำเป็นที่ต้องทราบเกี่ยวกับใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากรูปแบบเอกสารเปลี่ยนมาอยู่บนโลกออนไลน์ ทำให้มีข้อมูลรายละเอียดจำเป็นเล็กน้อยที่เจ้าของกิจการควรรู้ เพื่อให้ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ของเรานั้นถูกต้องทุกประการ ประเภทของไฟล์ที่สามารถใช้งานได้มีทั้งหมด 3 รูปแบบดังนี้ ในส่วนของขนาดไฟล์ใบกำกับภาษีออนไลน์นั้นห้ามมีขนาดเกิน 3 MB สำหรับข้อมูลในเอกสารออนไลน์ห้ามเป็นรูปภาพเด็ดขาด นอกจากนี้ไม่สามารถแปลงรูปแบบจากเอกสารกระดาษเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์เป็นเอกสารที่ถูกต้องตามกฎหมาย ต้องมีการลงลายมือชื่อดิจิตอล (Digital Signature) หรือการปรับทับรับรองเวลา (Time Stamp) ด้วยเสมอ หลังจากลงลายมือชื่อหรือประทับแล้ว เอกสารฉบับดังกล่าวจะสามารถใช้เป็นหลักฐานในทางกฎหมายได้ ทำไมธุรกิจ SMEs ต้องใช้ e-Tax Invoice? หลังจากที่เรารู้จักใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์กันมากขึ้นแล้ว ในส่วนถัดมาเรามาดูข้อดีที่เจ้าของเจ้าของกิจการ SMEs จะได้รับหากเปลี่ยนมาใช้ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์แทนที่ใบกำกับภาษีกระดาษรูปแบบเดิมกันดีกว่า ซึ่งข้อดีหลัก ๆ สามารถแบ่งได้ 4 ข้อดังนี้ ลดเวลาการทำงานด้านเอกสาร หนึ่งในปัญหาที่เจ้าของกิจการ SMEs หลายท่านต้องประสบพบเจอคงหนีไม่พ้นเรื่องของเอกสารที่เยอะจนบางครั้งทำให้เกิดความยุ่งยาก ไม่สามารถโฟกัสกับธุรกิจได้เต็มที่เท่าที่ควร การเปลี่ยนมาใช้ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์จะช่วยลดปัญหาส่วนนี้ลงไปได้อย่างแน่นอน เพราะด้วยเอกสารที่อยู่บนออนไลน์ ไม่จำเป็นต้องหาที่จัดเก็บ หรือคอยหาเอกสารให้วุ่นวาย นอกจากนี้ยังลดเวลาการทำงานด้านเอกสาร เพราะความสะดวกรวดเร็วในการส่งให้ผู้ซื้อและสรรพากรได้อย่างง่ายดาย หมดห่วงเรื่องเอกสารสูญหาย ต่อยอดจากข้อที่แล้ว นอกจากการลดเวลาการทำงานด้านเอกสาร ยังเป็นการป้องกันข้อมูลสูญหายที่เป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ของการเก็บเอกสารแบบกระดาษ ซึ่งการเก็บเอกสารที่อยู่ในรูปแบบออนไลน์นั้น หากจัดให้เป็นระเบียบรับรองว่าข้อมูลไม่มีทางสูญหายแน่นอน อีกทั้งเวลาต้องการเรียกดูเอกสารก็ทำได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ช่วยลดต้นทุน หลายท่านอาจสงสัยว่าการเปลี่ยนมาใช้ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ช่วยลดต้นทุนให้แก่ธุรกิจ SMEs ได้อย่างไร แต่ถ้าลองคำนวนดูแล้วการออกใบกำกับภาษีแบบกระดาษ 1 แผ่นนั้น มีต้นทุนที่แฝงมาด้วยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นค่ากระดาษ ค่าหมึกสำหรับพิมพ์เอกสารออกมา อาจรวมไปถึงค่าซองเอกสาร และค่าจัดส่งอีกด้วย หากเปลี่ยนมาใช้รูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ก็บอกลาต้นทุนเหล่านี้ไปได้เลย ได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจากภาครัฐ เพื่อกระตุ้นให้ธุรกิจเปลี่ยนมาใช้ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์กันมากขึ้น รัฐบาลจึงได้ออกนโยบายต่าง ๆ ที่ช่วยส่งเสริมในส่วนนี้ ยกตัวอย่างเช่น Easy E-Receipt นโยบายที่ในปีพ.ศ. 2568 ก็กลับมาอีกครั้ง โดยเป็นนโยบายที่ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สามารถนำใบกำกับภาษีออนไลน์จากสินค้าหรือบริการที่ซื้อในช่วงเวลาที่กำหนด มายื่นเพื่อขอลดหย่อนภาษีได้ นอกจากจะเป็นการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ ยังช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจเปลี่ยนมาใช้ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์กันมากขึ้น  “การเปลี่ยนมาใช้ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์นอกจากจะช่วยจัดการเอกสารแล้ว ยังช่วยลดต้นทุนแฝง และช่วยเพิ่มโอกาสสร้างยอดขายผ่านนโยบายของภาครัฐอีกด้วย”  e-Tax Invoice มีกี่รูปแบบ แตกต่างกันอย่างไรบ้าง? e-Tax Invoice มีทั้งหมด 2 รูปแบบประกอบไปด้วย ซึ่งแต่ละรูปแบบแตกต่างกันอย่างไร แต่ละแบบเหมาะกับธุรกิจประเภทไหน และมีขั้นตอนการทำงานอย่างไรบ้าง มาดูกันต่อเลย 1. e-Tax Invoice & Receipt ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ประเภทแรกแบ่งได้เป็นสองส่วนคือ ส่วนที่เป็นใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) และ ใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Recepit) ซึ่งเอกสารรูปแบบนี้เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT 7%) แบบไม่จำกัดรายได้เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ก่อนทำการส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือบริการ รวมไปถึงกรมสรรพากรจำเป็นต้องลงลายมือชื่อดิจิตอลให้เรียบร้อยเพื่อให้เอกสารนี้ถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากนี้การส่ง e-Tax Invoice & Receipt ให้กรมสรรพากรจะต้องอยู่ในรูปแบบไฟล์ .xml หรือ .pdf เท่านั้น คุณสมบัติของผู้ยื่นขอจัดทำ e-Tax Invoice & e-Receipt ขั้นตอนการจัดทำและส่งมอบ e-Tax Invoice & Receipt  สำหรับขั้นตอนการใช้งานใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ประเภท e-Tax Invoice & Receipt มีขั้นตอนทั้งหมด 3 ส่วนที่สะดวก รวดเร็ว เข้าใจง่าย ไม่เป็นการเพิ่มงานแน่นอน 2. e-Tax Invoice by Time Stamp ในส่วนของ e-Tax Invoice by Time Stamp จะเป็นการทำใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์สำหรับธุรกิจ SMEs ขนาดเล็กที่มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 30 ล้านบาท และได้ทำการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว เป็นรูปแบบที่ตอบโจทย์ธุรกิจที่มีการออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์จำนวนที่ไม่มาก โดยการส่งเอกสาร e-Tax Invoice by Time Stamp จะเป็นการที่ธุรกิจออกร่างใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ หลังจากนั้นทำการส่งอีเมลให้ลูกค้า และ CC อีเมลไปที่ [email protected] เพื่อให้ระบบทำการ Time Stamp หรือประทับเวลาให้ หลังจากนั้นระบบจะส่งเอกสารที่ประทับเวลาแล้วให้ลูกค้าและธุรกิจอีกครั้ง คุณสมบัติของผู้ยื่นขอจัดทำ e-Tax Invoice by Time Stamp เจ้าของกิจการที่ต้องการยื่นขอการจัดทำ e-Tax Invoice by Time Stamp ต้องมีคุณสมบัติดังนี้  ขั้นตอนการจัดทำและส่งมอบ e-Tax Invoice by Time Stamp ขั้นตอนของใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์รูปแบบ e-Tax Invoice by Time Stamp อาจมีขั้นตอนมากกว่าเล็กน้อย แต่สะดวกไม่แพ้กัน อยากลดความยุ่งยากเรื่องเอกสารใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ คือคำตอบ ตอนนี้ทุกท่านรู้จักกับใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้นแล้ว ทราบถึงข้อดีที่ทำให้การเปลี่ยนมาใช้ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์นั้นช่วยธุรกิจของคุณได้อย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการลดปัญหาความยุ่งยากในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเอกสารต่าง ๆ รวมไปถึงเป็นการลดต้นทุน และช่วยเพิ่มโอกาสสร้างยอดขายให้แก่ธุรกิจผ่านนโยบายต่าง ๆ ที่รัฐบาลออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีกด้วย  สำหรับเจ้าของกิจการ SMEs ท่านไหนที่กำลังมองหาเทคโนโลยีที่จะเข้ามาช่วยให้การจัดการใบกำกับภาษีเป็นเรื่องง่าย ที่ PEAK โปรแกรมบัญชีออนไลน์ที่รองรับการทำ e-Tax Invoice ช่วยให้การจัดการบัญชีในธุรกิจของคุณสะดวก สามารถจัดการบัญชีได้อย่างเป็นระบบ เตรียมความพร้อมมุ่งสู่การเติบโตในอนาคต ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาทคลิก (ไม่มีค่าใช้จ่าย)PEAK Call Center : 1485LINE : @peakaccountสอบถามเพิ่มเติม คลิก

ความรู้ธุรกิจความรู้ภาษี

PEAK Account

5

min

อัปเดตฟังก์ชัน PEAK 13/02/2025

เอาใจผู้ใช้งานโปรแกรม PEAK ด้วยฟังก์ชันใหม่ที่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ✨ 1. เพิ่มระบบคำนวณสูตรที่ช่องจำนวนและราคา ในหน้าสร้างเอกสารรายรับ-รายจ่าย 📢สำหรับกิจการที่ออกเอกสารรายรับ-รายจ่าย ระบบเพิ่มการคำนวณด้วยสูตรที่ช่องจำนวนและราคา เมื่อผู้ใช้งานพิมพ์เครื่องหมาย เท่ากับ (=) ลงในช่อง จะเป็นการเรียกใช้ฟังก์ชันการคำนวณโดยอัตโนมัติของระบบ เช่น =100+50 ระบบจะคำนวณและเปลี่ยนตัวเลขเป็น 150 ให้อัตโนมัติ เพื่อช่วยให้ทำข้อมูลในเอกสารได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ✨ 2. เพิ่มประวัติการใช้งานในแต่ละสินค้า/บริการ ช่วยให้ตรวจสอบรายการได้สะดวกยิ่งขึ้น 📢ระบบเพิ่มช่องการดูประวัติแต่ละสินค้า/บริการ โดยจะเก็บประวัติการสร้าง การแก้ไขรายการ รวมถึงราคาขาย โดยผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบรายละเอียดข้อมูลสินค้าย้อนหลังได้ด้วยตนเอง ช่วยให้ตรวจสอบข้อมูลได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ✨ 3. ปรับให้ระบบอัปเดตข้อมูลหน้าเอกสารอัตโนมัติ กรณีเพิ่มหรือแก้ไขข้อมูลใบกำกับภาษี ช่วยให้ดูข้อมูลได้สะดวกมากยิ่งขึ้น 📢เมื่อผู้ใช้งานออกเอกสารค่าใช้จ่ายและมีการเพิ่มใบกำกับภาษี ระบบจะทำการอัปเดตข้อมูลที่หน้าเอกสารค่าใช้จ่ายให้อัตโนมัติ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานดูข้อมูลในเอกสารได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ✨ 4. เพิ่ม Hyperlink ในรายงานภาษีหัก ณ ที่จ่ายจาก PEAK TAX ช่วยให้ดูเอกสารได้สะดวกยิ่งขึ้น 📢ระบบปรับรายงานภาษีหัก ณ ที่จ่าย ที่ดาวน์โหลดจาก PEAK TAX ให้มี Hyperlink เชื่อมไปยังเอกสารหัก ณ ที่จ่ายแต่ละรายการโดยตรง ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลเอกสารได้สะดวกขึ้น ลดขั้นตอนการค้นหา และช่วยให้นำรายงานไปใช้งานต่ออย่างมีประสิทธิภาพ ✨ 5. เพิ่มการรองรับเงินได้ประเภท 40(2) ในแบบและใบแนบ ภ.ง.ด.1ก ที่ PEAK Payroll ลดข้อผิดพลาดในการทำภาษี 📢สำหรับผู้ใช้งาน PEAK Payroll ระบบปรับให้แบบและใบแนบ ภ.ง.ด.1ก สามารถแสดงข้อมูลเงินได้ทั้งประเภท 40(1) และ 40(2) ได้อย่างถูกต้องตามประเภทเงินได้ ช่วยลดข้อผิดพลาดในการจัดทำเอกสารภาษีและช่วยให้การยื่นภาษีเป็นไปอย่างแม่นยำและครบถ้วน ✨ 6. เพิ่มฟังก์ชันการกล่าวถึงผู้ใช้งานอื่นที่กล่องความคิดเห็นในบัญชีรายวัน 📢สำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการกล่าวถึงผู้ใช้งานอื่นในกล่องความคิดเห็นบนบัญชีรายวัน สามารถกล่าวถึงได้ โดยระบบจะทำการแจ้งเตือนผู้ใช้งานที่ถูกกล่าวถึงที่กระดิ่ง เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสื่อสารระหว่างกันได้สะดวกยิ่งขึ้น ✨ 7. เพิ่มฟังก์ชันการบันทึกร่างในใบลดหนี้แบบอ้างอิงเอกสาร 📢สำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการบันทึกใบลดหนี้แบบอ้างอิงเอกสารเป็นแบบร่างก่อนบันทึกจริง ระบบรองรับให้ผู้ใช้งานสามารถกดบันทึกร่างใบลดหนี้ได้ ซึ่งการบันทึกร่างใบลดหนี้ ระบบจะแสดงข้อมูลใน เสมือนมีการบันทึกเอกสารจริง เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบข้อมูล และลดความผิดพลาดในการบันทึกข้อมูล

ฟังก์ชันใหม่แนะนำการใช้งาน

PEAK Account

2

min

Update Function 13/02/2025

PEAK with the new function designed to enhance efficiency. ✨ 1. Add Formula Calculation in the Quantity and Price Fields on Income-Expense Documents. 📢 For businesses issuing income-expense documents, entering an “=” symbol in the quantity or price field will trigger an automatic calculation function. For example, typing =100+50 will automatically compute and display 150, making data entry more convenient. ✨ 2. Add Usage History for Each Product/Service for Easier Tracking. 📢 The system now records the creation, modifications, and sales price history of each product. Users can review past product details for better tracking and data accuracy. ✨ 3. Enhanced the system to Automatically Document Updates When Modifying Tax Invoices for Better Data Accuracy. 📢 When users add a tax invoice to an expense document, the system will automatically update the relevant document, ensuring that the latest data is displayed correctly. ✨ 4. Add Hyperlinks in Withholding Tax Reports from PEAK TAX for Quick Access to Documents. 📢 Withholding tax reports downloaded from PEAK TAX now include direct hyperlinks to the corresponding tax documents. This allows users to access information quickly, reducing search time and improving workflow efficiency. ✨ 5. Add Support for Income Type 40(2) in PND 1 Kor Forms on PEAK Payroll to Reduce Tax Errors. 📢 PEAK Payroll now correctly displays income types 40(1) and 40(2) in PND 1 Kor forms, ensuring accurate tax filing and minimizing errors in tax document preparation. ✨ 6. Add User Mentions in the Journal Entry Comment Box for Better Communication. 📢 Users can now mention others in journal entry comments. The mentioned user will receive a notification via the bell icon, improving communication and collaboration within the system. ✨ 7. Add Draft Saving for Credit Notes with Document References to Prevent Errors. 📢 Users can now save draft credit notes before finalizing them. Draft credit notes will appear in the Document Reports and Accounts Receivable Aging Reports as if they were finalized, allowing for better review and error prevention before submission.

ฟังก์ชันใหม่แนะนำการใช้งาน

PEAK Account

16

min

e-Tax Invoice ตัวช่วยจัดการเอกสาร ลดความยุ่งยากให้ธุรกิจ SMEs

ก้าวเข้าสู่ปี 2568 ในยุคที่เกือบทุกสิ่งล้วนเปลี่ยนมาอยู่บนดิจิตอลแทบทั้งหมด ประเทศไทยก็พัฒนาตามยุคสมัยในหลายด้าน รวมไปถึงด้านเอกสารต่าง ๆ ที่หน่วยงานส่วนใหญ่เปลี่ยนมาใช้รูปแบบอิเล็กทรอนิกส์เกือบทั้งหมดแล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ e-Tax Invoice หรือใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ที่กรมสรรพากรส่งเสริมให้ผู้ประกอบปัจจุบันการเปลี่ยนมาใช้ เพราะช่วยลดความยุ่งยากด้านงานเอกสาร และเป็นรูปแบบที่สอดคล้องกับกฎหมายในปัจจุบันอีกด้วย ในบทความนี้ PEAK ขอพาผู้อ่านทุกท่านไปทำความรู้จักกับใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ให้มากขึ้น จะเป็นอย่างไรบ้างมาติดตามกันได้เลย e-Tax Invoice คืออะไร? e-Tax Invoice หรือใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ คือ รูปแบบการออกใบกำกับภาษีอยู่ในรูปแบบออนไลน์เพื่อตอบสนองพฤติกรรมการซื้อขายของชาวไทยที่นิยมซื้อผ่านช่องทางออนไลน์กันมากขึ้น สามารถส่งเอกสารให้ผู้ซื้อสินค้าหรือบริการ รวมไปถึงสามารถส่งเอกสารออนไลน์ให้กรมสรรพากรได้ทันทีเช่นกัน ทำให้การเปลี่ยนมาใช้ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ช่วยให้ธุรกิจ SMEs สามารถจัดการกับเอกสารได้สะดวกมากยิ่งขึ้น  ข้อมูลจำเป็นที่ต้องทราบเกี่ยวกับใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากรูปแบบเอกสารเปลี่ยนมาอยู่บนโลกออนไลน์ ทำให้มีข้อมูลรายละเอียดจำเป็นเล็กน้อยที่เจ้าของกิจการควรรู้ เพื่อให้ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ของเรานั้นถูกต้องทุกประการ ประเภทของไฟล์ที่สามารถใช้งานได้มีทั้งหมด 3 รูปแบบดังนี้ ในส่วนของขนาดไฟล์ใบกำกับภาษีออนไลน์นั้นห้ามมีขนาดเกิน 3 MB สำหรับข้อมูลในเอกสารออนไลน์ห้ามเป็นรูปภาพเด็ดขาด นอกจากนี้ไม่สามารถแปลงรูปแบบจากเอกสารกระดาษเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์เป็นเอกสารที่ถูกต้องตามกฎหมาย ต้องมีการลงลายมือชื่อดิจิตอล (Digital Signature) หรือการปรับทับรับรองเวลา (Time Stamp) ด้วยเสมอ หลังจากลงลายมือชื่อหรือประทับแล้ว เอกสารฉบับดังกล่าวจะสามารถใช้เป็นหลักฐานในทางกฎหมายได้ ทำไมธุรกิจ SMEs ต้องใช้ e-Tax Invoice? หลังจากที่เรารู้จักใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์กันมากขึ้นแล้ว ในส่วนถัดมาเรามาดูข้อดีที่เจ้าของเจ้าของกิจการ SMEs จะได้รับหากเปลี่ยนมาใช้ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์แทนที่ใบกำกับภาษีกระดาษรูปแบบเดิมกันดีกว่า ซึ่งข้อดีหลัก ๆ สามารถแบ่งได้ 4 ข้อดังนี้ ลดเวลาการทำงานด้านเอกสาร หนึ่งในปัญหาที่เจ้าของกิจการ SMEs หลายท่านต้องประสบพบเจอคงหนีไม่พ้นเรื่องของเอกสารที่เยอะจนบางครั้งทำให้เกิดความยุ่งยาก ไม่สามารถโฟกัสกับธุรกิจได้เต็มที่เท่าที่ควร การเปลี่ยนมาใช้ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์จะช่วยลดปัญหาส่วนนี้ลงไปได้อย่างแน่นอน เพราะด้วยเอกสารที่อยู่บนออนไลน์ ไม่จำเป็นต้องหาที่จัดเก็บ หรือคอยหาเอกสารให้วุ่นวาย นอกจากนี้ยังลดเวลาการทำงานด้านเอกสาร เพราะความสะดวกรวดเร็วในการส่งให้ผู้ซื้อและสรรพากรได้อย่างง่ายดาย หมดห่วงเรื่องเอกสารสูญหาย ต่อยอดจากข้อที่แล้ว นอกจากการลดเวลาการทำงานด้านเอกสาร ยังเป็นการป้องกันข้อมูลสูญหายที่เป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ของการเก็บเอกสารแบบกระดาษ ซึ่งการเก็บเอกสารที่อยู่ในรูปแบบออนไลน์นั้น หากจัดให้เป็นระเบียบรับรองว่าข้อมูลไม่มีทางสูญหายแน่นอน อีกทั้งเวลาต้องการเรียกดูเอกสารก็ทำได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ช่วยลดต้นทุน หลายท่านอาจสงสัยว่าการเปลี่ยนมาใช้ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ช่วยลดต้นทุนให้แก่ธุรกิจ SMEs ได้อย่างไร แต่ถ้าลองคำนวนดูแล้วการออกใบกำกับภาษีแบบกระดาษ 1 แผ่นนั้น มีต้นทุนที่แฝงมาด้วยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นค่ากระดาษ ค่าหมึกสำหรับพิมพ์เอกสารออกมา อาจรวมไปถึงค่าซองเอกสาร และค่าจัดส่งอีกด้วย หากเปลี่ยนมาใช้รูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ก็บอกลาต้นทุนเหล่านี้ไปได้เลย ได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจากภาครัฐ เพื่อกระตุ้นให้ธุรกิจเปลี่ยนมาใช้ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์กันมากขึ้น รัฐบาลจึงได้ออกนโยบายต่าง ๆ ที่ช่วยส่งเสริมในส่วนนี้ ยกตัวอย่างเช่น Easy E-Receipt นโยบายที่ในปีพ.ศ. 2568 ก็กลับมาอีกครั้ง โดยเป็นนโยบายที่ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สามารถนำใบกำกับภาษีออนไลน์จากสินค้าหรือบริการที่ซื้อในช่วงเวลาที่กำหนด มายื่นเพื่อขอลดหย่อนภาษีได้ นอกจากจะเป็นการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ ยังช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจเปลี่ยนมาใช้ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์กันมากขึ้น  “การเปลี่ยนมาใช้ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์นอกจากจะช่วยจัดการเอกสารแล้ว ยังช่วยลดต้นทุนแฝง และช่วยเพิ่มโอกาสสร้างยอดขายผ่านนโยบายของภาครัฐอีกด้วย”  e-Tax Invoice มีกี่รูปแบบ แตกต่างกันอย่างไรบ้าง? e-Tax Invoice มีทั้งหมด 2 รูปแบบประกอบไปด้วย ซึ่งแต่ละรูปแบบแตกต่างกันอย่างไร แต่ละแบบเหมาะกับธุรกิจประเภทไหน และมีขั้นตอนการทำงานอย่างไรบ้าง มาดูกันต่อเลย 1. e-Tax Invoice & Receipt ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ประเภทแรกแบ่งได้เป็นสองส่วนคือ ส่วนที่เป็นใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) และ ใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Recepit) ซึ่งเอกสารรูปแบบนี้เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT 7%) แบบไม่จำกัดรายได้เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ก่อนทำการส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือบริการ รวมไปถึงกรมสรรพากรจำเป็นต้องลงลายมือชื่อดิจิตอลให้เรียบร้อยเพื่อให้เอกสารนี้ถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากนี้การส่ง e-Tax Invoice & Receipt ให้กรมสรรพากรจะต้องอยู่ในรูปแบบไฟล์ .xml หรือ .pdf เท่านั้น คุณสมบัติของผู้ยื่นขอจัดทำ e-Tax Invoice & e-Receipt ขั้นตอนการจัดทำและส่งมอบ e-Tax Invoice & Receipt  สำหรับขั้นตอนการใช้งานใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ประเภท e-Tax Invoice & Receipt มีขั้นตอนทั้งหมด 3 ส่วนที่สะดวก รวดเร็ว เข้าใจง่าย ไม่เป็นการเพิ่มงานแน่นอน 2. e-Tax Invoice by Time Stamp ในส่วนของ e-Tax Invoice by Time Stamp จะเป็นการทำใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์สำหรับธุรกิจ SMEs ขนาดเล็กที่มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 30 ล้านบาท และได้ทำการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว เป็นรูปแบบที่ตอบโจทย์ธุรกิจที่มีการออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์จำนวนที่ไม่มาก โดยการส่งเอกสาร e-Tax Invoice by Time Stamp จะเป็นการที่ธุรกิจออกร่างใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ หลังจากนั้นทำการส่งอีเมลให้ลูกค้า และ CC อีเมลไปที่ [email protected] เพื่อให้ระบบทำการ Time Stamp หรือประทับเวลาให้ หลังจากนั้นระบบจะส่งเอกสารที่ประทับเวลาแล้วให้ลูกค้าและธุรกิจอีกครั้ง คุณสมบัติของผู้ยื่นขอจัดทำ e-Tax Invoice by Time Stamp เจ้าของกิจการที่ต้องการยื่นขอการจัดทำ e-Tax Invoice by Time Stamp ต้องมีคุณสมบัติดังนี้  ขั้นตอนการจัดทำและส่งมอบ e-Tax Invoice by Time Stamp ขั้นตอนของใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์รูปแบบ e-Tax Invoice by Time Stamp อาจมีขั้นตอนมากกว่าเล็กน้อย แต่สะดวกไม่แพ้กัน อยากลดความยุ่งยากเรื่องเอกสารใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ คือคำตอบ ตอนนี้ทุกท่านรู้จักกับใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้นแล้ว ทราบถึงข้อดีที่ทำให้การเปลี่ยนมาใช้ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์นั้นช่วยธุรกิจของคุณได้อย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการลดปัญหาความยุ่งยากในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเอกสารต่าง ๆ รวมไปถึงเป็นการลดต้นทุน และช่วยเพิ่มโอกาสสร้างยอดขายให้แก่ธุรกิจผ่านนโยบายต่าง ๆ ที่รัฐบาลออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีกด้วย  สำหรับเจ้าของกิจการ SMEs ท่านไหนที่กำลังมองหาเทคโนโลยีที่จะเข้ามาช่วยให้การจัดการใบกำกับภาษีเป็นเรื่องง่าย ที่ PEAK โปรแกรมบัญชีออนไลน์ที่รองรับการทำ e-Tax Invoice ช่วยให้การจัดการบัญชีในธุรกิจของคุณสะดวก สามารถจัดการบัญชีได้อย่างเป็นระบบ เตรียมความพร้อมมุ่งสู่การเติบโตในอนาคต ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาทคลิก (ไม่มีค่าใช้จ่าย)PEAK Call Center : 1485LINE : @peakaccountสอบถามเพิ่มเติม คลิก

ความรู้ธุรกิจความรู้ภาษี