ยืนยันตัวตนกิจการ ใน PEAK (Verify Organization)
การ ยืนยันตัวตนกิจการ ใน PEAK (Verify Organization) คือ กระบวนการตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของข้อมูลกิจการบนระบบ PEAK โดยผู้ดูแลระบบที่มีสิทธิ์ตั้งค่าขั้นสูงเท่านั้นที่จะสามารถ ทำการยืนยันตัวตนกิจการใน PEAK ได้ และจำเป็นต้องส่งเอกสารที่ใช้ในการยืนยันตัวตนว่ากิจการมีอยู่จริง ดังนี้
- เอกสารที่ 1 หนังสือรับรองบริษัท (ล่าสุดไม่เกิน 3 เดือน)
- เอกสารที่ 2 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนพร้อมลายเซ็นต์รับรอง (ตามอำนาจลงนามในหนังสือรับรอง)
- เอกสารที่ 3 ใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ภ.พ.20 (สำหรับกิจการที่ทำการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม)
สิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากการยืนยันตัวตนกิจการใน PEAK (Verify Organization) คือ
- สร้างความน่าเชื่อถือ
ช่วยให้คู่ค้าหรือผู้ใช้งานรายอื่นเห็นข้อมูลกิจการของคุณได้รับการตรวจสอบแล้ว ทำให้เพิ่มความมั่นใจในการทำธุรกรรม และคู่ค้าหรือผู้ใช้งานรายอื่นสามารถค้นหาชื่อกิจการของคุณได้เลยไม่จำเป็นต้องทำการเพิ่มผู้ติดต่อใหม่ เพราะมีข้อมูลอยู่ในระบบอยู่แล้ว - เพิ่มความปลอดภัย
กิจการที่มีการ ยืนยันตัวตนกิจการแล้ว จะไม่สามารถสร้างชื่อซ้ำได้
การยืนยันตัวตนกิจการใน PEAK (Verify Organization) มี 5 ขั้นตอน ดังนี้
1. ยืนยันตัวตนกิจการ โดยไปที่เมนูตั้งค่า
ผู้ใช้งาน ผู้ดูแลระบบที่มีสิทธิ์ตั้งค่าขั้นสูงเข้าสู่ระบบ จากนั้นไปที่เมนูตั้งค่า > ตั้งค่าองค์กร > ข้อมูลกิจการ

ระบบจะเข้ามาที่หน้าข้อมูลกิจการ โดยจะแสดงรายละเอียดของกิจการที่ลงทะเบียนไว้ > จากนั้นคลิกปุ่ม “ยืนยันตัวตนกิจการ”

2. ระบบจะแสดง Pop-up สิ่งที่ได้รับจากการยืนยันตัวตนกิจการ ใน PEAK
เมื่อผู้ใช้งานคลิกปุ่ม “ยืนยันตัวตนกิจการ” ระบบ PEAK จะปรากฏหน้าต่าง Pop-up ขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เพื่อแสดงรายละเอียดของสิทธิประโยชน์ที่กิจการจะได้รับหลังจากการยืนยันตัวตนสำเร็จ

3. แนบเอกสารเพื่อยืนยันตัวตนกิจการ ใน PEAK
เอกสารที่ใช้ในการยืนยันตัวตนจะมีด้วยกัน 3 เอกสารหลัก ๆ ซึ่งสามารถส่งได้ผ่านระบบ PEAK ดังนี้
- เอกสารที่ 1 หนังสือรับรองบริษัท (ล่าสุดไม่เกิน 3 เดือน)
- เอกสารที่ 2 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนพร้อมลายเซ็นต์รับรอง (ตามอำนาจลงนามในหนังสือรับรอง)
- เอกสารที่ 3 ใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ภ.พ.20 (สำหรับกิจการที่ทำการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม)
เมื่อแนบเอกสารเรียบร้อยแล้ว คลิกปุ่ม “ถัดไป”

4. ยืนยันตัวตนกิจการโดยยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไข
ก่อนส่งคำขอเพื่อดำเนินการยืนยันตัวตนกิจการใน PEAK ระบบจะขอให้ผู้ใช้งานอ่านและยอมรับ ข้อกำหนดและเงื่อนไข การใช้งานบริการดังกล่าว ผู้ดูแลระบบควรอ่านรายละเอียดในข้อกำหนดอย่างรอบคอบ
เมื่ออ่านรายละเอียดเรียบร้อยแล้ว ติ๊กทำเครื่องหมาย “ฉันยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขการยืนยันตัวตน” > คลิกปุ่ม “ถัดไป” เพื่อส่งข้อมูลเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ

หลังจากที่ผู้ใช้งานได้ส่งเอกสารและยืนยันข้อมูลในระบบ PEAK เรียบร้อยแล้ว ข้อมูลทั้งหมดจะถูกส่งต่อให้กับหน่วยงานตรวจสอบภายนอกที่ชื่อว่า Match Link (Match Link คือ อะไรอ่านได้ที่นี่) เพื่อดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องของกิจการ โดยกระบวนการนี้จะใช้ระยะเวลาโดยประมาณ ไม่เกิน 3 วันทำการ
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปหลัง ยืนยันตัวตนกิจการ ใน PEAK สำเร็จ
- สัญลักษณ์ ✅Verified เมื่อการตรวจสอบเสร็จสิ้น ระบบจะส่งผลการยืนยันตัวตนไปยังอีเมลที่ลงทะเบียนไว้ โดยแจ้งผลว่ากิจการผ่านการยืนยันหรือไม่ หากผ่านการยืนยัน จะมีสัญลักษณ์ “Verified” แสดงอยู่บนหน้าเอกสารรูปแบบใหม่ที่ออกโดยระบบ

คู่ค้าที่ทำรายการจะเห็นโลโก้ของคุณ
หลังจากที่กิจการได้รับการยืนยันตัวตนในระบบ PEAK แล้ว ไม่เพียงแต่ผู้ใช้งานภายในกิจการเท่านั้นที่จะเห็นสถานะ “Verified” แต่ คู่ค้าทางธุรกิจที่ทำรายการร่วมกับกิจการของคุณผ่านระบบ PEAK ก็จะเห็นสัญลักษณ์การยืนยันนี้ด้วยเช่นกัน
สิ่งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งประโยชน์ที่สำคัญของการยืนยันตัวตนกิจการ ซึ่งช่วยเสริมภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของกิจการในการดำเนินธุรกรรมออนไลน์ในยุคดิจิทัล

ป้องกันการสร้างกิจการซ้ำ
อีกหนึ่งข้อดีของการยืนยันตัวตนกิจการใน PEAK คือ ระบบจะมีการตรวจสอบเลขประจำตัวผู้เสียภาษี 13 หลัก ของกิจการที่ถูกบันทึกไว้ในระบบ หากมีบุคคลอื่นพยายามใช้เลขดังกล่าวในการลงทะเบียนกิจการใหม่ ระบบจะขึ้นข้อความแจ้งเตือนทันทีว่า “กิจการนี้ได้มีการสร้างในระบบแล้ว” ซึ่งหมายความว่า ไม่สามารถสร้างกิจการซ้ำได้อีก และเป็นมาตรการที่ช่วยป้องกันการแอบอ้างเข้ามาสร้างกิจการซ้ำได้

สามารถดูวิดิโอการยืนยันตัวตนกิจการ (Verify) ได้ที่ลิงก์ PEAK Account คลิปเดียวจบ ครบทุกการตั้งค่า วินาทีที่ 13:45
– จบขั้นตอนการยืนยันตัวตนกิจการ ใน PEAK (Verify Organization) –
คำถามที่พบบ่อย
ทำไมฉันถึงอัปเกรด/ต่ออายุแพ็กเกจไม่ได้ ?