อัตราภาษีนำเข้า มีกี่เปอร์เซ็นต์

อัตราภาษีนำเข้า คืออีกหนึ่งภาษีที่ผู้ประกอบการที่ต้องการนำเข้าสินค้าควรทราบ เพราะเป็นประโยชน์ต่อการคำนวณราคาสินค้า ซึ่งอัตราภาษีนำเข้านี้ก็ไม่มีตัวเลขที่ตายตัว ขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้าที่นำเข้ามาเพื่อทำการขายภายในประเทศ และในบทความนี้เราขอพาผู้ประกอบการมาทำความรู้จักกับอัตราภาษีนำเข้าให้มากขึ้น พร้อมยกตัวอย่างอัตราภาษีนำเข้าสำหรับสินค้ายอดนิยมที่นำเข้ามาขายในประเทศไทย จะมีอะไรบ้าง มาติดตามกันได้เลย!

การขนส่งสินค้าทางเรือและทางอากาศ

ทำความเข้าใจกับ อัตราภาษีนำเข้า

อัตราภาษีนำเข้า หรืออัตราภาษีอากรขาเข้า เป็นภาษีประเภทหนึ่งที่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเสียในพิธีการศุลกากรในการนำสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาค้าขายภายในประเทศ ซึ่งสินค้าแต่ละประเภทจะมีอัตราภาษีนำเข้าที่แตกต่างกันออกไป โดยส่วนใหญ่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องใช้ พิกัดอัตราศุลกากร (HS Code) ในการตรวจสอบประเภทของสินค้าที่นำเข้ามาผ่านเว็บไซต์ของศุลกากร เพื่อให้ทราบถึงอัตราภาษีนำเข้าของสินค้าประเภทดังกล่าวนั่นเอง

วิธีดูพิกัดอัตราศุลกากร

หากเราเข้าไปที่เว็บไซต์ค้นหาพิกัดอัตราศุลกากรในเว็บไซต์ของทางศุลกากร จะเห็นว่ามีช่องให้กรอกรหัสพิกัด คำอธิบายภาษาไทย/อังกฤษ และวันที่นำเข้า ซึ่งพิกัดอัตราศุลกากรนี้เป็นหลักการที่ใช้ร่วมกันในกลุ่มประเทศทั่วโลกในการค้าขายระหว่างประเทศ เพื่อให้แต่ละประเทศสามารถระบุประเภทของสินค้าได้ถูกต้องมากยิ่งขึ้น เรียกว่า HS Code

โดย HS Code ตามปกติจะมีทั้งหมด 6 หลัก เพื่อแสดงประเภทของสินค้านำเข้า และอาจมีตัวเลขมากกว่าในบางประเทศเพื่อระบุรายละเอียดให้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยรหัส HS Code ดังกล่าวโดยส่วนใหญ่สามารถสอบถามกับผู้ส่งออกได้ หรือติดต่อผู้ชำนาญการศุลกากรเพื่อข้อทราบข้อมูลเพิ่มเติมได้เช่นกัน

เมื่อได้ตัวเลข HS Code แล้วเราสามารถนำตัวเลขดังกล่าวไปค้นหาอัตราภาษีนำเข้าได้ที่เว็บไซต์ของกรมศุลกากรได้

วิธีดูพิกัดอัตราศุลกากร และ ค้นหาอัตราภาษีนำเข้า

นอกจากภาษีอากรขาเข้าแล้ว มีภาษีอะไรอีกบ้าง?

อย่างไรก็ตามนอกจากภาษีอากรขาเข้าแล้ว ยังมีภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ VAT 7% เป็นอัตราภาษีนำเข้าที่ต้องนำมาคำนวณต้นทุนของสินค้านำเข้าอีกด้วย ซึ่งจะมีวิธีการคิดเหมือนกับการคิดคล้ายกับอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มทั่วไป และสุดท้ายต้องนำจำนวนที่ต้องเสียในภาษีอากรขาเข้ามารวมกับภาษีมูลค่าเพิ่มอีกครั้งเพื่อให้ได้ตัวเลขที่แท้จริง สามารถศึกษาเกี่ยวกับภาษีนำเข้าเพิ่มเติมได้ที่บทความ “ภาษีนำเข้ามีอะไรบ้าง? พร้อมแนวทางปฎิบัติที่เจ้าของธุรกิจต้องรู้” 

นอกจากนี้สินค้าบางประเภทที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ หรือสภาพแวดล้อม เช่น สุรา บุหรี่ น้ำมัน รถยนต์ จำเป็นต้องเสียภาษีสรรพสามิตเพิ่มเติมและนำมาคำนวณรวมกับภาษีนำเข้าอื่น ๆ อีกด้วย

สามารถตรวจสอบอัตราภาษีนำเข้า ได้อย่างไร?

นอกจากการค้นหาด้วยพิกัดอัตราภาษีด้วยตัวเองบนเว็บไซต์ของกรมศุลกากร การปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านการนำเข้า หรือผู้ชำนาญการศุลกากร ก็สามารถช่วยให้ผู้ประกอบการทราบอัตราภาษีของสินค้าที่ต้องการนำเข้ามาขายภายในประเทศได้ นอกจากนี้สามารถศึกษาอัตราอากรขาเข้าได้จาก พระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร ทั้งนี้จะค่อนข้างมีรายละเอียดที่เยอะพอสมควร หากเป็นไปได้แนะนำให้ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ทราบอัตราภาษีนำเข้าที่ถูกต้องมากที่สุด

ตัวอย่าง การคำนวณอัตราภาษีนำเข้า

สำหรับการคำนวณอัตราภาษีนำเข้า เราขอยกตัวอย่าง เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้า และขั้นตอนการคำนวณมากยิ่งขึ้น

โดยตัวอย่างของเราเป็น การนำเข้ากระเป๋าจากโรงงานในต่างประเทศ โดยทำเรื่องนำเข้าผ่านบริษัทขนส่ง 

มูลค่าสินค้า CIF (มูลค่าสินค้ารวมค่าประกันและค่าขนส่ง) = 200,000 บาท

อัตราภาษีนำเข้า = 20% 

สามารถคำนวณหาภาษีอากรขาเข้าได้ดังนี้

200,000 x 20% = 40,000 บาท

หมายความว่าการนำเข้ากระเป๋ามูลค่ารวมทั้งหมด 200,000 บาทต้องเสียภาษีอากรขาเข้า 40,000 บาท 

คำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT 7%)

240,000 x 7% = 16,800 บาท
จากภาษีอากรขาเข้า และภาษีมูลค่าเพิ่ม เมื่อรวมกับต้นทุนการผลิตและการขนส่งแล้วจะอยู่ที่ 200,000 + 40,000 + 16,800 = 256,800 บาท ซึ่งตัวเลขที่ได้นี้จะส่งผลต่อการคำนวณตั้งราคาสินค้า ผู้ประกอบการไม่สามารถตั้งราคาจากต้นทุนการผลิตและขนส่งได้เพียงอย่างเดียว แต่ควรคำนวณค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากอัตราภาษีนำเข้าไปด้วย เพื่อให้ทราบต้นทุนต่อชิ้นแท้จริงสำหรับการตั้งราคาขายต่อไปนั่นเอง

ทำไมผู้ประกอบการต้องรู้เรื่อง อัตราภาษีนำเข้า

ผู้ประกอบการที่ต้องการนำเข้าสินค้าเข้ามาขายภายในประเทศไทย ควรทราบถึงอัตราภาษีนำเข้าทั้งหมด เพราะตัวเลขเหล่านี้ถือว่าเป็นต้นทุนในการทำธุรกิจ และส่งผลต่อการตั้งราคาสินค้าเพื่อให้ได้กำไรตามแบบแผนที่วางไว้ นอกจากนี้การทำธุรกิจนำเข้าสินค้าจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องติดตามข่าวสารที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นข้อกฎหมายหรืออัตราภาษีนำเข้าที่มักจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้สอดคล้องกับโลกยุคปัจจุบันมากที่สุด

ตัวอย่างอัตราภาษีของประเภทสินค้านำเข้ายอดนิยม

อัตราภาษีนำเข้ามีการกำหนดไว้ในเกือบทุกประเภทสินค้า ตั้งแต่เนื้อสัตว์ ข้าวสาร ของอุปโภคบริโภค ไปจนถึงสินค้าฟุ่มเฟือย ซึ่งสินค้าแต่ละชนิดมีการคิดอัตราที่แตกต่างกัน ในบางประเภทอัตราภาษีนำเข้ายังแต่ต่างกันไปตามวัตถุประสงค์ของการนำเข้าอีกด้วย

แต่สำหรับการนำเข้าสินค้ามาเพื่อการขายทำธุรกิจโดยทั่วไปจะมีสินค้าอยู่ไม่กี่ประเภทที่เหมาะสมกับการนำเข้ามาขายในตลาดของบ้านเรา ซึ่งเราก็ได้คัดตัวอย่างประเภทสินค้าที่น่าสนใจพร้อมอัตราภาษีการนำเข้าสินค้าชนิดนั้น ๆ มาให้ผู้ประกอบการทุกคนนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจ โดยเป็นข้อมูลวันที่ 22 มกราคม 2025 จาก TMA Thai Group 

ตัวอย่างอัตราภาษีของประเภทสินค้านำเข้ายอดนิยม

1. สินค้าประเภทเครื่องสำอาง อัตราภาษี 5-20%

นับเป็นหนึ่งในประเภทสินค้าที่นิยมนำเข้ามาขาย โดยเฉพาะเครื่องสำอางจากเกาหลีที่มีวางขายกันค่อนข้างเยอะในตลาดบ้านเรา ซึ่งการนำเข้าสินค้าประเภทเครื่องสำอาง จะมีอัตราภาษีนำเข้าอยู่ที่ 5-20% 

2. สินค้าประเภทเครื่องแต่งกาย อัตราภาษี 0-20%

เสื้อผ้าก็เป็นประเภทสินค้าที่นิยมนำเข้ามาขายไม่แพ้กัน ซึ่งอัตราภาษีสำหรับเครื่องแต่งกายไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กางเกง หมวก จะอยู่ที่ 0-20% ทั้งหมด

3. สินค้าประเภทแว่นตา นาฬิกา แว่นกันแดด อัตราภาษี 5-10%

สำหรับอีกหนึ่งประเภทที่คล้ายว่าเป็นหนึ่งในประเภทของเครื่องแต่งกาย แต่มีอัตราภาษีนำเข้าที่แตกต่างกันคือสินค้าประเภทแว่นตา หรือนาฬิกา โดยมีอัตราภาษีอยู่ที่เพียง 5-10% เท่านั้น นับว่าค่อนข้างแตกต่างจากเสื้อผ้าพอสมควร และเป็นหนึ่งในสินค้าที่ค่อนข้างได้รับความนิยมในปัจจุบัน

4. สินค้าประเภทกระเป๋า 20%

ใครอยากทำแบรนด์กระเป๋าของตัวเองโดยการสั่งผลิตจากโรงงานต่างประเทศเพื่อนำเข้ามาขายในไทย จะต้องเสียอัตราภาษีอยู่ที่ 20% นั่นเอง ซึ่งในที่นี้รวมไปถึงการหิ้วกระเป๋าเข้ามาขายที่ถึงแม้จำนวนอาจน้อยกว่าการสั่งผลิตจากโรงงาน แต่หากมูลค่ารวมถึงที่กำหนดก็จำเป็นต้องเสียภาษี 20% เช่นเดียวกัน

5. สินค้าประเภทอิเล็กทรอนิกส์ 0-20%

สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ทั่วไป เช่น พาวเวอร์แบงก์ หูฟัง จะเสียภาษีที่ 10% ในส่วนของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมา เช่น โทรทัศน์จะมีอัตราภาษีนำเข้าที่ 20% อย่างไรก็ตามในส่วนของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เมาส์ คีย์บอร์ดจะมีอัตราภาษีนำเข้า 0% สำหรับประเภทนี้จะค่อนข้างหลากหลายแนะนำว่าให้ลองปรึกษาผู้ชำนาญการศุลกากร หรือปรึกษากับบริษัทที่เรานำสินค้าเข้ามาขายจะได้ตัวเลขที่ตรงมากที่สุด

ไม่พลาดเรื่องภาษี จัดการบัญชีได้เป็นระบบ ด้วยโปรแกรมบัญชีออนไลน์

ผู้ประกอบการท่านไหนที่กำลังมองหาโอกาสทางธุรกิจในการนำสินค้าเข้ามาขายจะเห็นได้เลยว่ามีอัตราภาษีที่ต้องเสียเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติพอสมควร เพราะฉะนั้นเพื่อให้ไม่พลาดเรื่องตัวเลขบัญชี และการจัดการด้านภาษี เราแนะนำให้เลือกใช้โปรแกรมบัญชีอย่าง PEAK Account โปรแกรมบัญชีออนไลน์ครบวงจร พร้อมเป็นตัวช่วยจัดการบัญชีให้ธุรกิจของคุณ นอกจากนี้ยังมาพร้อม PEAK Tax โปรแกรมช่วยบริหารภาษี ออกเอกสาร เตรียมข้อมูลได้อย่างแม่นยำ 

ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาท
คลิก https://www.peakaccount.com (ไม่มีค่าใช้จ่าย)
PEAK Call Center : 1485
LINE : @peakaccount
สอบถามเพิ่มเติม คลิก https://m.me/peakengine

PEAK โปรแกรมบัญชีออนไลน์ หมดกังวลเรื่อง ภาษี จัดการบัญชีได้อย่างมืออาชีพ

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

ตรวจสอบอัตราภาษีนำเข้าได้ที่ไหน


เบื้องต้นแนะนำให้ปรึกษากับบริษัทขนส่ง ผู้ผลิต หรือผู้ชำนาญการศุลกากร หากรู้ HS Code สามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ของกรมศุลกากร

อัตราภาษีนำเข้า มีอะไรบ้าง


ในการนำเข้าสินค้า ผู้นำเข้าจำเป็นต้องเสียค่าภาษีอากรขาเข้า และภาษีมูลค่าเพิ่ม