หน้าปกบทความเกี่ยวกับระบบ GR และ IR เพื่อจัดการรับของและเช็กบิลอย่างแม่นยำ

1. ปัญหาที่เจ้าของธุรกิจ SMEs มักเจอ

  • ปวดหัวกับการนับสต็อกแล้วตัวเลขไม่ตรงกับของที่มีอยู่จริง
  • เคยจ่ายเงินค่าของไปแล้วเพิ่งมารู้ทีหลังว่าของที่ได้มาไม่ครบ หรือเสียหาย
  • เผลอจ่ายบิลซ้ำ หรือจ่ายผิดโดยไม่ตั้งใจ
  • เสียเวลาตามหาเอกสาร หรือรอคนอนุมัติบิลนานจนจ่ายเงินให้ซัพพลายเออร์ล่าช้า
  • กังวลเรื่องช่องโหว่ที่อาจทำให้เกิดการทุจริตในการสั่งซื้อหรือจ่ายเงิน

ถ้าคุณเคยเจอข้อใดข้อหนึ่ง ฟีเจอร์ใหม่จาก PEAK Premium อาจเป็นคำตอบที่ช่วยให้ขั้นตอนการจัดซื้อและจ่ายเงินของคุณเป็นระบบมากขึ้นด้วย 2 ระบบสำคัญคือ GR (Goods Receipt) และ IR (Invoice Receipt)

2. GR และ IR คืออะไร ?

  • GR (Goods Receipt) : ขั้นตอนการตรวจรับของที่มาส่งให้ถูกต้อง ครบถ้วน ก่อนเก็บเข้าคลังสินค้า
  • IR (Invoice Receipt) : ขั้นตอนการตรวจสอบใบแจ้งหนี้ก่อนอนุมัติจ่ายเงิน ว่าตรงกับที่สั่งและที่รับมาหรือไม่

3. GR (การรับสินค้า) : เช็กของให้ชัวร์ก่อนเก็บเข้าคลัง

GR คืออะไร

เวลาซัพพลายเออร์ส่งของมา เราอาจเคยชินกับการเซ็นรับแล้วเก็บของเข้าคลังทันทีแต่ GR คือการที่เรามีขั้นตอนชัดเจนในการตรวจสอบของ ณ จุดรับของ เช่น :

  • ของตรงกับใบสั่งซื้อ (PO)
  • จำนวนครบถ้วน
  • สภาพดี ไม่มีเสียหาย

เมื่อเช็กครบแล้ว ก็ทำเอกสาร GR Note เก็บไว้เป็นหลักฐาน

แบบเดิม vs แบบใหม่

  • แบบเดิม : ของมาถึงก็เก็บเลย ไม่ได้ตรวจสอบหรือตรวจสอบไม่ละเอียด ทำให้ไม่รู้ว่าของครบหรือไม่ ของมีความเสียหายไหม กว่าจะรู้ตัวก็อาจจะสายเกินไป
  • แบบใหม่ (แบบมี GR) : ตรวจทันทีที่ของมาส่ง ถ้ามีปัญหาก็แจ้งซัพพลายเออร์ได้ทันที พร้อมหลักฐานชัดเจน

ประโยชน์ของ GR

  • รู้สต็อกแม่นยำ
  • คุมคุณภาพสินค้าได้
  • ลดความเสี่ยงจ่ายเงินผิด

4. IR (การรับแจ้งหนี้) : เช็กบิลให้ตรงก่อนจ่ายจริง

IR คืออะไร

หลังจากรับของแล้ว ซัพพลายเออร์จะส่งใบแจ้งหนี้มาเรียกเก็บเงิน ระบบ IR ก็คือขั้นตอนการตรวจสอบบิลอย่างละเอียดก่อนจ่ายเงิน โดยต้องตรวจสอบข้อมูลให้ทุกอย่างตรงกัน จึงอนุมัติจ่ายเงิน

  • ราคาตรงกับใบสั่งซื้อ (PO)
  • จำนวนของที่เรียกเก็บ ตรงกับจำนวนที่เราได้รับตามเอกสารรับของ (GR) ที่เราเคยทำไว้

แบบเดิม vs แบบใหม่

  • แบบเดิม : ได้บิลมาก็จ่ายเลย บางครั้งอาจลืมว่าเคยสั่งหรือได้รับของหรือเปล่า
  • แบบใหม่ (แบบมี IR) : ตรวจสอบทุกครั้งก่อนจ่าย มั่นใจว่าได้รับของจริง และไม่ได้มีการจ่ายซ้ำ

ประโยชน์ของ IR

  • ป้องกันการจ่ายเงินผิดพลาด
  • ลดความเสี่ยงการทุจริต
  • ควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น
  • สร้างความน่าเชื่อถือกับซัพพลายเออร์ด้วยความแม่นยำในการจ่ายเงิน

5. สรุปสั้นๆ : เข้าใจ GR & IR ง่ายๆ

  • GR (รับของ): เหมือนมีคนเฝ้าประตู คอยเช็กว่า “ของที่เข้าบ้าน” ถูกต้อง ครบถ้วนไหม
  • IR (รับบิล): เหมือนมีคนตรวจบัญชี คอยเช็กว่า “บิลค่าของที่เข้าบ้าน” นั้นสมเหตุสมผล ตรงกับที่สั่งและได้รับจริง ก่อนจะจ่ายเงิน

6. ทำไมระบบนี้ถึงสำคัญต่อธุรกิจของคุณ

แม้จะดูเหมือนเป็นการเพิ่มขั้นตอนแต่ GR และ IR คือการสร้างระบบตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ ช่วยลดความผิดพลาด ป้องกันเงินรั่วไหล และทำให้เจ้าของธุรกิจมีภาพรวมของสต็อกและค่าใช้จ่ายที่แม่นยำยิ่งขึ้น ซึ่งสำคัญมากต่อการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว

สนใจใช้งานแพ็กเกจ PEAK PREMIUM ต้องการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายขายติดต่อกลับ คลิกลงทะเบียน