เข้าใจ Bank Statement และ Bank Reconciliation เพื่อตัวเลขบัญชีที่ถูกต้อง
Table of Contents

การขอ Bank Statement หลายท่านอาจเคยชินกับการนำไปใช้ในการขอทำธุรกรรมต่าง ๆ กับธนาคาร แต่สำหรับธุรกิจแล้ว การนำส่ง Bank Statement ให้นักบัญชีเป็นประจำทุกเดือน นับเป็นขั้นตอนที่สำคัญในด้านการเงินของธุรกิจ ซึ่งจะสำคัญอย่างไร และผู้ประกอบการควรทำอะไรบ้าง เพื่อให้การทำ Bank Reconciliation เป็นไปอย่างถูกต้องและรวดเร็ว มาติดตามกันเลย

Bank Statement คืออะไร?

Bank Statement หรือสเตทเม้น คืออะไร?

Bank Statement หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่า “สเตทเม้น” คือ รายงานยอดบัญชีธนาคารที่แสดงการเคลื่อนไหวของเงิน ทั้งฝากเข้าและถอนออกในช่วงเวลาหนึ่ง โดยปกติใช้ตรวจสอบยอดเงินคงเหลือ ดูพฤติกรรมการใช้เงิน หรือใช้ประกอบการขอกู้สินเชื่อและทำวีซ่า

สำหรับธุรกิจ สเตทเม้นไม่ได้แค่บอกยอดเงิน แต่เป็นเครื่องมือสำคัญที่สามารถใช้ในการตรวจสอบความถูกต้องของบัญชี กระทบยอดข้อมูล และจัดทำงบการเงินได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ยังช่วยตรวจสอบว่าธุรกิจไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำบัญชีผิดกฎหมาย เช่น บัญชีม้า ทำให้เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ และใช้เป็นหลักฐานสำคัญเมื่อมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเงิน

ความสำคัญของ Bank Statement

สำหรับการดำเนินธุรกิจแล้ว Bank Statement ไม่ใช่แค่เอกสารแสดงยอดบัญชีในธนาคารธรรมดา แต่เป็นเครื่องมือสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการจัดการบัญชีและการเงินของบริษัท การใช้ Bank Statement อย่างคุ้มค่าช่วยให้การปิดงบการเงิน การบริหารเงินสด และการจัดการภาษีเป็นไปอย่างราบรื่นและแม่นยำ หากไม่ใช้ Bank Statement ในการกระทบยอด อาจทำให้ตัวเลขในงบการเงินผิดพลาด และส่งผลต่อการตัดสินใจทางธุรกิจได้  

  • ยืนยันข้อมูลทางการเงิน: ตรวจสอบยอดเงินเข้า-ออกได้ตรงกับความเป็นจริง
  • ช่วยกระทบยอดบัญชี: ทำให้งบการเงินถูกต้องและเชื่อถือได้
  • สนับสนุนการวางแผนธุรกิจ: นำข้อมูลทางการเงินใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ
  • ลดความเสี่ยงข้อผิดพลาดและการทุจริต: เพิ่มความโปร่งใสในการจัดการเงิน
  • ใช้เป็นหลักฐานทางภาษีและข้อกฎหมาย: สามารถใช้เป็นหลักฐานเวลามีการตรวจสอบหรือยื่นเอกสารกับหน่วยงาน

ด้วยเหตุผลนี้เพื่อให้นักบัญชีทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ เราขอแนะนำให้ผู้ประกอบการส่ง Bank Statement ให้ฝ่ายบัญชีตามรอบเวลาที่กำหนดอย่างสม่ำเสมอ

การทำ Bank Reconciliation คืออะไร ?

การทำ Bank Reconciliation หรือการกระทบยอดธนาคาร คือการตรวจสอบให้แน่ใจว่าเงินเข้า–ออกที่บันทึกไว้ในบัญชีของธุรกิจ ตรงกับข้อมูลใน Bank Statement จากธนาคารจริงหรือไม่ กระบวนการนี้ช่วยยืนยันความถูกต้องของตัวเลขทางการเงิน และทำให้ธุรกิจมั่นใจได้ว่าข้อมูลที่ใช้วางแผนหรือยื่นภาษีนั้นเชื่อถือได้ โดยสรุปขั้นตอนการตรวจสอบเป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้

1. ตรวจสอบความถูกต้องของยอดเงินใน Bank Statement กับสมุดบัญชีเงินสดของบริษัท

เริ่มต้นการกระทบยอดด้วยการนำสเตทเม้นมาเปรียบเทียบแต่ละยอดกับสมุดบัญชีของบริษัท เพื่อเปรียบเทียบธุรกรรมที่ทางนักบัญชีบริษัทบันทึกตรงกันกับยอดในสเตทเม้นหรือไม่ หากมีส่วนไหนที่ไม่ตรงกันให้ทำสัญลักษณ์ไว้เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม

2. ระบุรายการที่ยังไม่ตรง

บางรายการเราอาจจะยังอยู่ในขั้นตอนการรอจ่าย ทำให้หลายครั้งตัวเลข Bank Statement กับสมุดบัญชีอาจมีความคลาดเคลื่อนกันเล็กน้อยจากธุรกรรมเหล่านี้ เช่น เช็คค้างจ่าย เงินฝากที่รอดำเนินการอยู่ หรือค่าธรรมเนียมธนาคาร ซึ่งรายการที่รอดำเนินการเหล่านี้ต้องทำการระบุออกมาให้เห็นเพื่อให้เห็นตัวเลขที่ถูกต้องมากที่สุด

3. ปรับปรุงสมุดบัญชีบริษัทให้ตรงกับยอดจริง

หลังจากตรวจสอบระหว่าง Bank Statement และสมุดบัญชีบริษัทแล้ว และทำการระบุรายการที่ไม่ตรงครบถ้วน ให้ทำการปรับสมุดบัญชีบริษัทให้ตรงกับยอดจริงใน Bank Statement และทำการตรวจสอบอีกครั้งเพื่อความถูกต้อง

ความแตกต่างระหว่าง Bank Statement และ Bank Reconciliation

ความแตกต่างระหว่าง Bank Statement และ Bank Reconciliation

อีกหนึ่งคำนอกเหนือจาก Bank Statement ที่ผู้ประกอบการอาจเคยได้ยินคือ Bank Reconcilation หรือก็คือการกระทบยอดเงินฝากธนาคารนั่นเอง ซึ่งทั้งสองคำมีความแตกต่างกันพอสมควรดังนี้

  • Bank Statement: เอกสารที่ธนาคารออกให้ เพื่อแสดงรายการธุรกรรมในบัญชี ทั้งเงินฝาก ถอน ค่าธรรมเนียม รวมไปถึงดอกเบี้ยต่าง ๆ 
  • Bank Reconciliation: เป็นกระบวนการที่นักบัญชีนำ Bank Statement มาตรวจสอบกับรายงานบัญชีของบริษัททุกเดือนเพื่อดูว่าตัวเลขตรงกันหรือไม่ 

การทำ Bank Reconciliation จึงช่วยให้ผู้ประกอบการได้เห็นตัวเลขที่ถูกต้องบนงบการเงิน หรือหากทำการกระทบยอดแล้วตัวเลขไม่ตรงกัน ก็สามารถแก้ไขปัญหา หรือหาสาเหตุที่ตัวเลขไม่ตรงกันได้ทันก่อนปิดงบบัญชี เพื่อไม่เกิดปัญหาในภายหลัง

ผลกระทบหากผู้ประกอบการไม่ส่ง Bank Statement ให้นักบัญชี

หากผู้ประกอบการไม่ส่ง Bank Statement หรือทำการส่งให้นักบัญชีล่าช้า จะกระทบกับกระบวนการ Bank Reconciliation หรือกระทบยอด ก็อาจมีปัญหาในหลายด้าน เช่น 

  • หากผู้ประกอบการส่งสเตทเม้นล่าช้า ส่งผลต่อการปิดงบการเงินที่ล่าช้าเช่นกัน เพราะต้องรอเอกสารสำหรับการตรวจสอบ
  • ความผิดพลาดด้านการบันทึกบัญชีที่ไม่สามารถตรวจสอบได้อย่างครบถ้วน ที่อาจเกิดเป็นช่องโหว่สำหรับการทุจริตได้
  • ในกรณีที่ผู้ประกอบการไม่ส่งสเตทเม้นให้ตรวจสอบ อาจทำให้นักบัญชียื่นภาษีผิดพลาดได้ เนื่องจากไม่ได้ทำการตรวจสอบกับรายงานการทำธุรกรรมจากธนาคารที่ถูกต้อง
  • ข้อมูลในงบการเงินไม่ตรง หรือผิดพลาด ส่งผลต่อการบริหาร หรือตัดสินใจเรื่องการเงินขององค์กร

จากทั้ง 4 ข้อจะเห็นได้เลยว่าการที่ผู้ประกอบการไม่ส่ง Bank Statement หรือส่งล่าช้า สามารถสร้างปัญหาในด้านบัญชีมากมาย ตั้งแต่ความผิดพลาด เสี่ยงเกิดการทุจริตขึ้นในองค์กร หรือแม้กระทั่งไม่สามารถบริหารองค์กรไปในทิศทางที่ถูกต้องได้ 

ทำไมธุรกิจต้องกระทบยอดธนาคาร (Bank Reconciliation) ทุกเดือน

การทำ Bank Reconciliation ของธุรกิจเป็นประจำมาพร้อมข้อดีมากมายที่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจได้โดยตรง ไม่ว่าจะเป็น

  • ป้องกันความผิดพลาด ตรวจเจอรายการตกหล่นหรือบันทึกผิดได้ทันทีภายในเดือน
  • ป้องกันการทุจริต เพราะหากไม่ได้มีการกระทบยอดตรวจสอบตัวเลขที่ชัดเจน อาจมีพนักงานที่อาศัยช่องโหว่นี้ในการทุจริตเงินบริษัท
  • ควบคุมสภาพคล่อง รู้สถานะการเงินที่แท้จริง เพื่อนำไปวางแผนธุรกิจได้แม่นยำ
  • รักษาความน่าเชื่อถือ ข้อมูลทางการเงินถูกต้อง ใช้ยื่นภาษีหรือขอสินเชื่อได้อย่างมั่นใจ
  • ธุรกิจมีตัวเลขงบการเงินที่ถูกต้อง ช่วยในเรื่องของการวางแผนบริษัทในอนาคต

ดังนั้นการขอ Bank Statement เพื่อทำการ Bank Reconciliation เป็นหนึ่งในขั้นตอนที่ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ SME หรือธุรกิจขนาดใหญ่ก็เป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง

รูปแบบการส่งข้อมูล Bank Statement ให้นักบัญชี

1. รูปแบบกระดาษ

เป็นวิธีดั้งเดิมซึ่งใช้เวลานาน นั่นก็คือการส่งแบบกระดาษจากธนาคารให้นักบัญชี แล้วนักบัญชีนำข้อมูลมากรอกลงใน Excel และใช้สูตรตรวจสอบความถูกต้องระหว่างบัญชีของธุรกิจกับข้อมูลจากธนาคาร

  • ข้อดี: ใช้วิธีเดิม ไม่ต้องเรียนรู้ระบบ หรือวิธีใหม่ๆ
  • ข้อจำกัด: ใช้เวลานาน 1–3 ชั่วโมงต่อครั้ง

2. รูปแบบไฟล์จากธนาคารในรูปแบบ PDF หรือ Excel

วิธีการส่ง Bank Statement ให้นักบัญชี

ในกรณีที่ผู้ประกอบการขอข้อมูล Bank Statement เป็น ไฟล์ PDF หรือ Excel จากธนาคารโดยตรง นักบัญชีจะสามารถนำข้อมูลมาใช้ต่อได้ง่ายขึ้นมาก โดยการนำไฟล์ Statement ดังกล่าวเข้าสู่โปรแกรมบัญชี PEAK เพื่อกระทบยอดได้ทันที ช่วยลดขั้นตอนการกรอกข้อมูลด้วยตนเอง และตรวจสอบความถูกต้องได้รวดเร็ว

  • ข้อดี: ลดขั้นตอนการกรอกข้อมูล ลดเวลา และตรวจสอบได้รวดเร็ว เพราะนักบัญชีนำไฟล์เข้าสู่ PEAK โปรแกรมบัญชีออนไลน์เพื่อกระทบยอดได้ทันที
  • ข้อจำกัด: ต้องขอไฟล์จากธนาคารทุกครั้ง

3. รูปแบบการเชื่อมต่อ API ระหว่างธนาคารกับ PEAK โปรแกรมบัญชีออนไลน์ (ครั้งแรกในไทย)

เชื่อมต่อ API เข้ากับธนาคารกรุงศรีในโปรแกรม PEAK

สำหรับขั้นตอนที่สะดวกรวดเร็วที่สุด คือการเชื่อมต่อ API (Application Programming Interface) หรือระบบที่ใช้ในการเชื่อมต่อระหว่างโปรแกรมให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ ซึ่งในปัจจุบันก็มีโปรแกรมบัญชีออนไลน์ PEAK ที่สามารถเชื่อมต่อ API กับธนาคารกรุงศรีที่สามารถทำการ Auto Import รายงานสเตทเม้นจากธนาคารเข้ามาในโปรแกรมได้โดยอัตโนมัติไม่จำเป็นต้องกรอกข้อมูลเอง สามารถนำตัวเลขมากระทบยอดได้เลย

  • ข้อดี: ไม่ต้องรอไฟล์จากธนาคาร ไม่ต้องกรอกข้อมูลเอง สามารถกระทบยอดได้ทันที เพราะข้อมูลเงินเข้า-ออกจากธนาคารจะถูกส่งมายัง PEAK โปรแกรมบัญชีออนไลน์อัตโนมัติทุกวัน
  • ข้อจำกัด: ต้องใช้โปรแกรมบัญชีที่รองรับการเชื่อมต่อ API

ยกตัวอย่างการบันทึกบัญชีกรณีที่มีรายการรอดำเนินการ

บริษัท A ได้จ่ายเช็คในเดือนกันยายนจำนวน 50,000 บาท ให้บริษัท B และได้ทำการบันทึกบัญชีเรียบร้อยแล้ว แต่บริษัท B ยังไม่ได้นำเช็คไปขึ้นเงินภายในเดือนที่ออกเช็ค ทำให้ยอดเงินในสมุดบัญชีของบริษัท A จะสูงกว่ายอดเงินจาก Bank Statement ของเดือนนั้น

ซึ่งวิธีการบันทึกบัญชีในกรณีนี้ต้องระบุเป็น Outstanding Cheque เพื่อให้นักบัญชีสามารถกระทบยอดได้ถูกต้อง โดยการหักยอดเช็คค้างจ่ายออกจาก Bank Statement เพื่อให้ยอดตรงกัน

จัดการบัญชีได้เป็นระบบด้วยโปรแกรมบัญชีออนไลน์

การส่ง Bank Statement ให้นักบัญชีเป็นขั้นตอนที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม และควรที่จะต้องทำเป็นประจำทุกเดือนเพื่อให้นักบัญชีสามารถทำ Bank Reconciliation หรือกระทบยอดได้เป็นประจำ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้เห็นตัวเลขการเงินที่ถูกต้องมากที่สุด ดังนั้นการใช้โปรแกรมบัญชีออนไลน์อย่าง PEAK Account ที่สามารถเชื่อมต่อดึงข้อมูล Bank Statement จากธนาคารได้อัตโนมัติจึงสามารถช่วยลดขั้นตอนและความยุ่งยากในการขอ Bank Statement ด้วยระบบการเชื่อมต่อ API กับธนาคาร ที่ปลอดภัย ไม่ซับซ้อน พร้อมเป็นตัวช่วยบริหารระบบบัญชีสำหรับธุรกิจทุกขนาด


ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาท
คลิก https://www.peakaccount.com (ไม่มีค่าใช้จ่าย)
PEAK Call Center : 1485
LINE : @peakaccount
สอบถามเพิ่มเติม คลิก https://m.me/peakengine

PEAK โปรแกรมบัญชีออนไลน์ ตัวช่วยผู้ประกอบการจัดการบัญชี