ภาษีเงินได้นิติบุคคล สิ่งที่ต้องรู้สำหรับเจ้าของธุรกิจ

การเป็นเจ้าของกิจการสักกิจการหนึ่ง มีความรู้มากมายที่ผู้ประกอบการควรศึกษา ไม่ว่าจะเป็น การตลาด การบริหารคน รวมไปถึงความรู้ด้านบัญชีและภาษีก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะในส่วนของ ภาษีเงินได้ ที่หากจดทะเบียนนิติบุคคลก็จะเสีย ภาษีเงินได้นิติบุคคล นั่นเอง ในบทความนี้เราจึงรวบรวมความรู้เกี่ยวกับภาษีประเภทนี้มาให้ผู้ประกอบการทุกท่าน เพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้อง

ภาษีเงินได้นิติบุคคล คืออะไร?

การวิเคราะห์ทางการเงินของผู้ประกอบการที่กำลังจัดการด้านบัญชีและภาษีอย่างเป็นระบบ

ภาษีเงินได้นิติบุคคล คือ หนึ่งในประเภทของภาษีเงินได้ ที่ผู้เสียภาษีต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเรียบร้อยแล้ว โดยหากพูดถึงเฉพาะภาษีเงินได้ จะหมายความว่า ประเภทของภาษีที่คำนวณจาก ‘เงินได้’ ซึ่งเงินได้ดังกล่าวนับรวมนอกเหนือจากจำนวนเงินอย่างเดียว เช่น สิ่งของที่สามารถแปลงเป็นเงินได้

ใครต้องเสียภาษีเงินได้ นิติบุคคลบ้าง

สำหรับภาษีเงินได้ นิติบุคคล ผู้ที่จำเป็นต้องเสียภาษีประเภทนี้คือ กิจการที่ทำการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลทั้งบริษัทและห้างหุ้นส่วนเรียบร้อยแล้ว รวมไปถึงกิจการบางประเภทที่ไม่ได้ทำการจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยสามารถแบ่งได้ดังนี้

  • นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ ที่ดำเนินกิจการในประเทศไทย และเข้าเงื่อนไขตามที่กรมสรรพากรกำหนด จะต้องเสียภาษีเงินได้ นิติบุคคล ด้วย
  • กิจการที่จัดตั้งโดยรัฐบาลต่างประเทศ หรือองค์กรของรัฐบาลต่างประเทศ และเป็นการทำการค้าเพื่อหากำไร
  • กิจการร่วมการค้า ซึ่งรวมทั้งการร่วมการค้าระหว่างบริษัทนิติบุคคลด้วยกัน และนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา
  • มูลนิธิหรือสมาคมที่มีการประกอบกิจการ และมีรายได้ ทั้งนี้จะมีข้อยกเว้นในกรณีที่มีการกำหนดให้เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศลโดยรัฐมนตรี
  • นิติบุคคลที่กำหนดให้เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามคำสั่งของอธิบดี รัฐมนตรี และประกาศในราชกิจจานุเบกษา

นอกเหนือจากกิจการที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายแล้ว หากเข้าข่ายเงื่อนไขข้างต้นก็จำเป็นต้องมีการคำนวณ และเสียภาษีเงินได้ นิติบุคคล เป็นประจำทุกปีด้วย สามารถอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับผู้เสียภาษีเงินได้ นิติบุคคลได้ที่เว็บไซต์ของกรมสรรพากร

อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล

สำหรับผู้ประกอบการ SME (มีรายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาทในรอบบัญชี และต้องมีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท) จะมีวิธีการคำนวณอัตราแตกต่างออกไปโดยใช้วิธีการคำนวณอัตราภาษีแบบขั้นบันได ที่เป็นการกำหนดเกณฑ์ในแต่ละขั้นจากกำไรสุทธิตามรอบบัญชี โดยมีอัตราภาษีเริ่มต้นตั้งแต่ 0% – 20% ซึ่งเป็นการคิดอัตราแบบขั้นบันได มีรายละเอียดตามตารางต่อไปนี้

ตารางแสดงอัตราภาษีแบบขั้นยบันได ตามรายได้ของธุรกิจ SME

จากตารางหมายความว่าหากธุรกิจของคุณยังมีกำไรไม่เกิน 300,000 บาทก็ยังไม่ต้องเสียภาษีในส่วนนี้นั่นเอง และจะเห็นได้เลยว่าหากยิ่งมีกำไรสูงก็จะต้องเสียภาษีในอัตราที่สูงตามไปด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งจุดนี้เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการควรต้องทราบว่ากิจการของเรานั้นต้องเสียภาษีที่อัตราเท่าไหร่สำหรับการคำนวณเงินภาษีที่ต้องเสียเพื่อให้ได้ตัวเลขเงินได้ที่แท้จริง 

แต่สำหรับกรณีที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนที่ไม่ใช่ SME จะเสียอัตราภาษีอยู่ที่ 20% ตั้งแต่กำไรสุทธิ 1 บาทแรก

วิธีคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล

ในส่วนของการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลนั้นสามารถทำได้ไม่ยากสามารถคำนวณตามสูตรได้ดังนี้

จำนวนกำไรสุทธิทางภาษี x อัตราภาษี = ภาษีเงินได้ นิติบุคคล ที่ต้องชำระ

ตัวอย่างการคำนวณ

บริษัท A เป็นธุรกิจ SME มีกำไรสุทธิในรอบบัญชี 2,300,000 บาท โดย 300,000 บาทแรกนั้นได้รับการยกเว้นตามตารางข้างต้น จึงต้องนำ 2,300,000 – 300,000 บาท = 2,000,000 บาท ซึ่งอยู่ในขั้นอัตราภาษี 15% หลังจากนั้นนำตัวเลขที่ได้ไปแทนสูตรได้ดังนี้

2,000,000 x 15% = 300,000 บาท

บริษัท A จำเป็นต้องเสียภาษีเงินได้ นิติบุคคล เป็นจำนวนทั้งสิ้น 300,000 บาท

ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลเมื่อไหร่?

สำหรับรอบการเสียภาษีเงินได้ นิติบุคคล จะแบ่งเป็นสองรอบด้วยกัน โดยมี การเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลครึ่งปี ยื่นโดยใช้แบบ ภ.ง.ด. 51 และ การเสียภาษีเงินได้จากกำไรสุทธิเมื่อสิ้นรอบ (ประจำปี) โดยใช้แบบ ภ.ง.ด. 50 

ซึ่งในกรณีของการเสียภาษีทั้งสองแบบจะต้องมีรอบบัญชีครบ 12 เดือน โดยภาษีเงินได้นิติบุคคลครึ่งปี จะต้องยื่นแบบและชำระภายใน 2 เดือนนับจากวันสุดท้ายของทุก 6 เดือนแรกของรอบบัญชี 

ในส่วนของภาษีเงินได้จากกำไรสุทธิเมื่อสิ้นรอบ คือ เงินภาษีเงินได้ นิติบุคคล ที่ต้องยื่นแบบและชำระภายใน 150 วันนับจากสิ้นรอบบัญชี  

ยกตัวอย่างการยื่นในรอบบัญชี เช่น บริษัท นาย ก มีรอบบัญชีวันที่ 1 มกราคม และสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม บริษัทนาย ก จำเป็นต้องยื่นแบบภาษีครึ่งปีภายในวันที่ 31 สิงหาคม และต้องยื่นภาษีสิ้นปีภายใน วันที่ 30 พฤษภาคม นั่นเอง

ภาษีเงินได้นิติบุคคลแบบครึ่งปีต่างกับแบบประจำปีอย่างไร?

จากหัวข้อก่อนหน้านี้จะเห็นได้ว่าการยื่นแบบ และชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลในแต่ละปีนั้นมี 2 รอบด้วยกัน ซึ่งทั้งสองรอบนั้นมีรูปแบบในการยื่นที่แตกต่างกันออกไป นอกเหนือจากเรื่องของวันที่ในการยื่น และเอกสารประกอบการยื่นแบบแล้ว ในรูปแบบการยื่นครึ่งปีก็จะมีการ ประมาณกำไรสุทธิ ของรอบบัญชีในปีนั้น ด้วยเหตุผลที่ว่าการยื่นแบบครึ่งปีจะยังไม่มีตัวเลขกำไรที่แน่นอน จึงต้องมีการประมาณออกมาก่อน และเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระภาษีลงครึ่งหนึ่ง แต่ในกรณีของภาษีเงินได้นิติบุคคลแบบประจำปีสามารถนำตัวเลขกำไรสุทธิของรอบบัญชีในปีนั้นมาคำนวณได้เลย

สามารถยื่นภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ที่ไหนบ้าง

ยื่นแบบภาษีเงินได้ นิติบุคคล แบบออนไลน์

ผู้ประกอบการสามารถเดินทางไปยื่นแบบภาษีเงินได้ นิติบุคคล ที่สำนักงานสรรพากรในเขตพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ สำหรับผู้ประกอบการที่ไม่สะดวกเดินทางไปยังสำนักงานสรรพากร สามารถยื่นผ่านระบบออนไลน์บนเว็บไซต์ของกรมสรรพากรได้เช่นกัน

โดยการยื่นผ่านระบบออนไลน์ของกรมสรรพากรสามารถกรอกข้อมูลในระบบ ซึ่งเป็นนโยบายจากภาครัฐที่พัฒนาระบบเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการ ลดขั้นตอนการทำงาน เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจ

ให้การยื่นภาษีเงินได้นิติบุคคลสะดวกยิ่งขึ้น ด้วยโปรแกรมบัญชีออนไลน์

ในปัจจุบันโปรแกรมบัญชีที่ออกแบบฟีเจอร์มาได้อย่างครบถ้วนก็สามารถออกเอกสารที่เกี่ยวข้องกับภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ สามารถยื่นเอกสารให้ทางกรมสรรพากรอย่างสะดวกมากขึ้น ลดเวลาการทำงาน จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ผู้ประกอบการควรเริ่มต้นใช้โปรแกรมบัญชีออนไลน์ในการทำงานในองค์กร
ซึ่งโปรแกรมบัญชีออนไลน์ PEAK ก็เป็นโปรแกรมที่สามารถอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการหรือฝ่ายบัญชีสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว ลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาด ด้วยฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อคนทำงานบัญชีโดยเฉพาะ เป็นการเริ่มต้นวางระบบบัญชีในองค์กรให้แข็งแรง เป็นรากฐานที่ดีสู่การเติบโตขององค์กร มาพร้อมหน้าตาของโปรแกรมที่ใช้งานง่าย ใช้เวลาเรียนรู้ไม่นาน พร้อมคู่มือการใช้งานออนไลน์สำหรับศึกษาการใช้งานได้ทุกเมื่อ


ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาท
คลิก https://www.peakaccount.com (ไม่มีค่าใช้จ่าย)
PEAK Call Center : 1485
LINE : @peakaccount
สอบถามเพิ่มเติม คลิก https://m.me/peakengine

PEAK โปรแกรมบัญชีออนไลน์ จัดการบัญชีเป็นระบบ ลดข้อผิดพลาดด้านภาษี