ผู้ประกอบการ SME มักเคยต้องปวดหัวกับการพยายามขอสินเชื่อธุรกิจในการขับเคลื่อนหรือขยายกิจการ หลายเจ้าประสบปัญหากู้ไม่ผ่านบ้าง ได้วงเงินไม่พอบ้าง บางครั้งอาจถูกปฏิเสธจากธนาคารโดยผู้ประกอบการเองก็ไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัด
หนึ่งในปัจจัยที่มีผลอย่างมากต่อการพิจารณาการให้สินเชื่อและเงินทุนเพื่อธุรกิจก็คือหลักฐานทางการเงินของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นงบการเงิน และรายการเดินบัญชีต่าง ๆ หลายครั้งที่จริง ๆ แล้วธุรกิจมีการหมุนเวียนเงินมากพอน่าจะผ่านการประเมิน แต่กลับถูกปฏิเสธเงินทุนเพราะไม่มีหลักฐานการเงินที่ดีพอ
ผู้ประกอบการที่ใช้ระบบบัญชีออนไลน์อย่าง PEAK Account อยู่แล้วถือว่าได้เปรียบเพราะมีผู้ช่วยจัดการบัญชีบริษัทได้อย่างง่าย ๆ โดยไม่ต้องเหนื่อย เพียงแค่กดดาวน์โหลดเอกสารงบการเงินและบัญชีจากฟังก์ชันใช้งานของ PEAK ก็นำไปเป็นหลักฐานยื่นขอเงินทุนเพื่อธุรกิจได้เลย ไม่เพียงแค่สำหรับการกู้เงินธนาคารเท่านั้น แต่ยังมีแหล่งเงินทุนเพื่อ SME อย่าง PeerPower ที่เป็นทางเลือกเช่นกัน รายละเอียดเพิ่มเติม
ตรวจสอบความพร้อม บัญชีของคุณพร้อมขอเงินทุนเพื่อธุรกิจหรือยัง?
เอกสารทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นงบการเงินและบัญชีบริษัทเป็นตัวช่วยประเมินว่าบริษัทมีแนวโน้มจะใช้หนี้ได้หรือไม่ บริษัทที่กู้เงินผ่านได้น่าจะต้องมีกำไรสูงหรือเปล่า? คำตอบคือไม่จริงเสมอไป เราขอยกตัวอย่างการทำบัญชีบริษัทที่ไม่ดีให้ดูก่อน
บัญชีบริษัทแบบไหนเสี่ยง “กู้ไม่ผ่าน”
1. บัญชีโล่ง
เดือนหนึ่ง ๆ มีเงินเข้าเงินออกแค่ไม่กี่รายการ และไม่มีรายละเอียดว่ารับมาจากไหน จ่ายไปที่ไหน บางธุรกิจในบัญชีมีแค่โอนเข้าออกหาเจ้าของธุรกิจ
ปัญหานี้พบบ่อยกับกิจการขนาดเล็กที่ไม่ได้แยกบัญชีธุรกิจกับบัญชีส่วนตัวอย่างจริงจัง เช่น เถ้าแก่ร้านออกเงินไปก่อนเพื่อซื้อวัตถุดิบ พอขายได้เงินก็เข้าบัญชีส่วนตัวอีก นาน ๆ ทีถึงจะโอนกลับคืนเข้าบัญชีบริษัท หรือผู้ประกอบการบางคนอาจต้องการหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษี เลยพยายามรับเงินสดโดยไม่ลงบัญชีละเอียด
บัญชีโล่งแบบนี้เป็นสาเหตุให้ขอเงินทุนไม่ผ่านได้ง่าย เพราะไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันเลยว่าธุรกิจมีผลประกอบการเป็นอย่างไร
2. มีเงินโอนออกหาผู้ถือหุ้นเยอะโดยไร้สาเหตุ
ถ้าเจ้าของกิจการไม่ได้มีปัญหาทางการเงินส่วนตัวจริง ๆ เคสแบบนี้มักเกิดกับธุรกิจขนาดเล็กที่ไม่ได้ทำระบบไว้ว่าตัวเจ้าของธุรกิจเองจะได้รับเงินเดือนละเท่าไหร่ อาศัยว่าต้องใช้เงินเมื่อไหร่ก็เบิกเอาจากบัญชีของบริษัท แต่ในมุมสถาบันการเงินลักษณะบัญชีแบบนี้ดูน่าสงสัย มีโอกาสทำให้ขอกู้ไม่ผ่าน
ทำบัญชีแบบไหนถึงดีต่อการขอเงินทุน
ก่อนอื่นเลยขอให้คิดไว้เสมอว่าสิ่งที่สถาบันการเงินหรือผู้ออกเงินกู้ต้องการก็คือหลักฐานว่าธุรกิจของเราเชื่อถือได้ มีเงินหมุนเวียนดี มีโอกาสหาเงินมาใช้หนี้คืนได้ จะทำยังไง เรามีเคล็ดลับมาบอก
แยกบัญชีส่วนตัวกับบัญชีบริษัทให้ชัดเจน
อาจทำได้ดังนี้
- รับ-จ่ายเงินของบริษัทด้วยบัญชีธนาคารของบริษัทเท่านั้น ไม่ใช่บัญชีของผู้ประกอบการ
- ทำระบบจ่ายเงินให้ตัวผู้ประกอบการเอง อาจอยู่ในรูปเงินเดือน หรือเงินปันผลก็ได้
- เปิดบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตในนามบริษัทถ้าเป็นไปได้ นอกจากช่วยแยกบัญชีแล้วยังช่วยให้สะดวกเพราะมีรายละเอียดชัดเจนว่าจ่ายอะไรไปเท่าไหร่บ้าง โดยไม่ต้องมานั่งเก็บหลักฐานเอง
- จัดเก็บเอกสารใบเสร็จค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไว้ทบทวนตรวจสอบ
ทำรายการบัญชีบริษัทอย่างละเอียดว่ามีเงินเข้าออกไปที่ไหนบ้าง
พยายามทำธุรกรรมผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัตรเครดิต/เดบิตของบริษัทถ้าเป็นไปได้เพื่อให้มีหลักฐานตรวจสอบได้ง่าย แต่ถ้าต้องมีรายรับจ่ายเป็นเงินสดก็ควรลงบัญชีอย่างละเอียดพร้อมเก็บหลักฐาน
ยิ่งบัญชีมีเงินหมุนเวียนสม่ำเสมอก็ยิ่งเป็นคะแนนบวกให้ขอสินเชื่อผ่านง่ายขึ้น และมีโอกาสได้เงื่อนไขเงินกู้ที่ดีกว่าด้วย
ทำสัญญาการค้าทุกอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร
ช่วยได้มากในกรณีที่ผู้ประกอบการต้องการเงินทุนมาหมุนในระหว่างรอเงินเข้าจากลูกค้า บางครั้งบริษัทอาจมียอดสั่งซื้อเข้ามาแล้วแต่ยังไม่ได้รับเงิน หลายสถาบันการเงิน รวมทั้ง PeerPower เองมีผลิตภัณฑ์การเงินประเภท invoice factoring ที่ออกสินเชื่อธุรกิจหรือให้เงินทุนรูปแบบต่าง ๆ ให้ผู้ประกอบการที่ต้องการเงินหมุน โดยต้องมีหลักฐานประกอบว่าบริษัทมีคำสั่งซื้อเข้ามาจริง และมีกำหนดที่จะได้รับเงินจากลูกค้าเมื่อไหร่
สำหรับผู้ใช้งาน PEAK Account สามารถทำบัญชีให้พร้อมขอเงินทุนได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้ฟีเจอร์เหล่านี้
(1) การจัดการบนเมนูรายรับ
(2) การจัดการรายงายงบกำไรขาดทุน
สนใจเงินทุนเพื่อธุรกิจ สมัครเลย