งบกระแสเงินสด

หนึ่งในหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจ คือ เงินสด ถ้าธุรกิจมีเงินสดหมุนเวียนที่ดี ช่วยให้เห็นภาพการเงินที่ชัดเจน ตัดสินใจทางธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ งบกระแสเงินสด เป็นงบการเงินที่สำคัญ โดยเฉพาะธุรกิจ SME ที่อยู่ในช่วงเริ่มต้น ในบทความนี้เราจะมาแนะนำการทำงบกระแสเงินสดสำหรับเจ้าของกิจการกัน!

งบกระแสเงินสดคืออะไร ทำไมถึงสำคัญ

การจัดการเงินสดของธุรกิจ

งบกระแสเงินสด (Cash Flow) คือ รายงานงบการเงินที่แสดงให้เห็นตัวเลขรายรับรายจ่ายที่เป็น “เงินสด” ในกิจการ โดยจะเป็นการเคลื่อนไหวรายรับรายจ่ายตัวเลขเงินสดในมือ ซึ่งงบกระแสเงินสดช่วยให้เจ้าของกิจการรับรู้ถึงเงินสดที่อยู่ในมือจริง ๆ เพื่อนำไปใช้สำหรับการประเมินสภาพคล่อง ไปจนถึงการวิเคราะห์การใช้เงินสดของกิจการได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น ช่วยให้บริหารเงินได้อย่างมีศักยภาพ

แต่ปัญหาของหลายกิจการคือ เลือกดูงบกำไรขาดทุนมากกว่างบกระแสเงินสด ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับการใช้ประเมินสภาพคล่องของธุรกิจ เพราะในงบกำไรขาดทุนไม่ได้แสดงให้เห็นเงินสดที่ธุรกิจมีจริง ๆ อาจทำให้วางแผนสภาพคล่องได้ไม่ดีเท่าที่ควร

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกิจการรูปแบบ SME ที่การดูเฉพาะงบกำไรขาดทุนอาจไม่พอที่จะใช้ในการวางแผนธุรกิจ เพราะในช่วงเริ่มต้นธุรกิจต้องมีการลองผิดลองถูกเพื่อหาแนวทางที่มั่นคง ทำให้ช่วงนี้ต้องให้ความสำคัญกับการบริหารเงินสดในมือมากกว่าการดูกำไรเพียงอย่างเดียว และปัญหานี้ก็กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยใหญ่ที่ทำให้หลาย SME เกิดสะดุดจนไม่สามารถทำธุรกิจต่อได้เลยก็มี


ยกตัวอย่าง การตัดสินใจที่ผิดพลาดเพราะดูเฉพาะงบกำไรขาดทุนเพียงอย่างเดียว เช่น ธุรกิจ SME ดูงบกำไรขาดทุนแล้วพบว่า ในรอบบัญชีดังกล่าวบริษัทขายสินค้าได้เยอะ และทำกำไรสูงเป็นอย่างมาก จึงนำเงินที่มีในมือลงทุนจ้างพนักงานใหม่เพิ่มกว่า 50 คน โดยไม่ได้ตรวจสอบงบกระแสเงินสดจริง ๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว “เงินสดในมือไม่ได้มีเยอะเหมือนตัวเลขกำไร” เพราะยังมีลูกค้าหลายเจ้าที่ยังไม่ได้ชำระเงินค่าสินค้า แต่บันทึกเป็นยอดขายลงไปในงบกำไรขาดทุนเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเมื่อลงทุนจ้างพนักงานเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากจึงส่งผลให้ขาดสภาพคล่อง หมุนเงินไม่ทัน จนต้องกู้สินเชื่อเป็นต้นตออนำไปสู่ปัญหาอีกมากมาย

งบกระแสเงินสด ต่างจากงบกำไรขาดทุนอย่างไรบ้าง?

จากตัวอย่างก่อนหน้านี้น่าจะพอเห็นถึงความสำคัญของ งบกระแสเงินสด กันบ้างแล้ว ว่าทำไมในการบริหารธุรกิจดูกำไรอย่างเดียวไม่ได้ แต่เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น สามารถดูตารางเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างงบกระแสเงินสดกับกำไรขาดทุนด้านล่างได้เลย

เปรียบเทียบงบกระแสเงินสดและงบกำไรขาดทุน

ขยายความการเปรียบเทียบจากตารางข้างต้น ยกตัวอย่างสถานการณ์ที่กิจการมีการส่งมอบสินค้าครบถ้วน และทำการเรียกเก็บเงินจากลูกค้าและอยู่ในระหว่างรอชำระเงิน การบันทึกในงบการเงินจะแตกต่างกันดังนี้

  • งบกระแสเงินสด: ไม่นับเป็นรายได้ พราะยังอยู่ในระหว่างรอชำระ ยังไม่ได้รับเงินจริง ๆ 
  • งบกำไรขาดทุน: รับรู้ว่าเป็นรายได้ และนำไปคำนวณกำไร ถึงแม้จะยังไม่ได้รับชำระเงินก็ตาม

ซึ่งจากข้อสังเกตความต่างส่วนนี้ เห็นได้ชัดเจนเลยว่าถึงแม้ตัวเลขจะถูกรับรู้เป็นรายได้แล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าได้รับเงินจำนวนนั้นมาแล้วจริง ๆ จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมเราถึงดูเฉพาะงบกำไรขาดทุนเพียงอย่างเดียวไม่ได้ 

เพื่อให้เห็นตัวเลขงบการเงินที่ถูกต้องมากที่สุด เจ้าของกิจการควรดูตัวเลขในงบกระแสเงินสด เทียบกับงบกำไรขาดทุนเสมอ

เคล็ดลับการอ่านงบกระแสเงินสด

เคล็ดลับการอ่านงบกระแสเงินสดเพื่อช่วยให้เจ้าของกิจการสามารถเข้าใจ และทราบถึงความแตกต่างของรายรับ-รายจ่าย และจำนวนเงินในมือที่ธุรกิจกำลังถืออยู่ สำหรับนำไปวิเคราะห์ต่อไป ซึ่งการอ่านงบกระแสเงินสดจะมี 3 ส่วนหลักดังนี้

1. กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน

เป็นรายรับและรายจ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจทั่วไปในแต่ละวัน ยกตัวอย่างรายรับรายจ่ายที่เป็นกระแสเงินสดดำเนินงาน เช่น

  • รายรับ: เงินสดที่เป็นรายได้จากการขายสินค้า
  • รายจ่าย: เงินสดที่เสียไปจากการใช้ซื้อวัตถุดิบ หรือค่าแรงพนักงาน

ซึ่งกิจการที่มีศักยภาพ ส่วนที่เป็นเงินสดฝั่งรายรับ ควรที่จะมากกว่าเงินสดที่เป็นรายจ่าย เช่น ขายสินค้าได้เดือนละ 1,000,000 บาท ค่าวัตถุดิบ หรือค่าแรงพนักงานงานก็ควรที่จะต่ำกว่า 1,000,000 บาทนั่นเอง

2. กระแสเงินสดจากการลงทุน

ส่วนถัดมาเป็นกระแสเงินสดที่เกิดขึ้นจากการนำเงินไปลงทุนขยายธุรกิจ หรือใช้ซื้อสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็นรายจ่ายมากกว่ารายได้ แต่จะเป็นเงินที่เสียเป็นก้อนใหญ่ ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย เช่น 

  • รายจ่าย: เงินสดลงทุนซื้อเครื่องจักร
  • รายรับ: เงินสดที่ได้จากการขายเครื่องจักร

3. กระแสเงินสดจากการจัดหาเงิน

กระแสเงินสดจากการจัดหาเงิน คือ เงินสดที่ได้จากการกู้หรือเงินสดจากเจ้าของกิจการที่เพิ่มเงินลงทุน ตัวเลขที่แสดงในงบกระแสเงินสดส่วนใหญ่มักจะเป็นรายรับ และมักมีรายจ่ายเป็นงวด ๆ เช่น

  • รายรับ: เงินกู้สินเชื่อเงินลงทุนเพิ่ม
  • รายจ่าย: เงินสดที่ใช้ชำระหนี้สินเชื่อ

เมื่อเข้าใจทั้ง 3 ประเภทหลักของรายรับรายจ่ายที่แสดงในงบกระแสเงินสด เจ้าของกิจการสามารถนำไปใช้ในการอ่านงบเพื่อให้เข้าใจถึงสภาพคล่อง ทั้งยังสามารถใช้ตัวเลขเหล่านี้ในการวิเคราะห์บริหารการเงินของธุรกิจได้ด้วยเช่นกัน

ข้อเสีย หากธุรกิจไม่มีงบกระแสเงินสด

งบกระแสเงินสดไม่ได้มีกฎหมายบังคับให้กิจการต้องจัดทำขึ้น ดังนั้นถ้าไม่ใช่คำสั่งจากเจ้าของกิจการ ฝ่ายบัญชีก็มักจะไม่ได้ทำงบส่วนนี้ไว้อย่างชัดเจน แต่ในความเป็นจริงงบกระแสเงินสดมีความสำคัญไม่แพ้งบการเงินประเภทอื่น ๆ และเป็นงบการเงินที่เจ้าของกิจการควรรู้ เพราะสามารถบอกสุขภาพทางการเงินของกิจการได้ ถ้าไม่มีการทำงบกระแสเงินสดอาจนำไปสู่ปัญหามากมาย อาทิเช่น

  • ไม่รู้ว่าเงินหายไปไหน ทั้งที่มียอดขายสูง: สาเหตุเพราะว่าเจ้าของกิจการไม่รู้ว่ามีรายจ่ายอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ บ้าง อาจมีค่าใช้จ่ายแฝงซ่อนอยู่ทำให้เงินไม่เหลือถึงแม้จะมียอดขายเยอะก็ตาม 
  • หมุนเงินไม่ทัน: เพราะไม่เห็นภาพรวมของการรับ–จ่าย ไม่สามารถวางแผนการชำระหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งปัญหาหมุนเงินไม่ทันอาจนำไปสู่ปัญหาที่ใหญ่กว่ากลายเป็นปมที่แก้ได้ยาก
  • ไม่รู้ว่าควรลดรายจ่ายตรงไหน หรือควรเพิ่มเงินทุนเมื่อใด: การบริหารเงินสดทำได้ยากมากขึ้น ถ้าไม่รู้ว่ามีค่าใช้จ่ายส่วนไหนที่สามารถลดได้ รวมไปถึงการพิจารณาว่าควรเพิ่มเงินทุนเมื่อใด
  • ตัดสินใจลงทุนผิดเวลา: เจ้าของกิจการหลายคนเวลาจะลงทุนเพิ่มมักดูเฉพาะ กำไร ไม่ได้ดู เงินสด แต่ตัวเลขกำไรที่สูง ไม่ได้หมายความว่าธุรกิจมีสภาพคล่องที่ดี หากเจ้าของกิจการดูเฉพาะ กำไร อย่างเดียว อาจทำให้วางแผนผิดพลาด ลงทุนในช่วงเวลาที่ไม่สมควร กระทบกับการเงินของธุรกิจในระยะยาว

งบกระแสเงินสด ที่เคยยุ่งยาก สู่ระบบจัดทำให้อัตโนมัติแบบ Real-Time

ในปัจจุบันการดูงบกระแสเงินสดเป็นเรื่องที่ง่ายมากยิ่งขึ้นสำหรับเจ้าของกิจการ SME ไม่จำเป็นต้องมีพนักงานบัญชีคอยทำงบการเงินให้ เพราะสามารถดูได้ผ่านโปรแกรมบัญชีออนไลน์ ที่สามารถสร้างงบการเงินประเภทนี้ได้แบบ Real-Time สามารถดูเงินเข้าเงินออกได้จริง โดยโปรแกรมจะนำรายการรับเงิน และการจ่ายเงินที่เกิดขึ้นจริงมาคำนวณ พร้อมแสดงผลเป็นงบกระแสเงินสดให้เจ้าของกิจการสามารถดูได้ทุกเมื่อที่ต้องการ ไม่ต้องรอพนักงานบัญชีจัดทำรายงานซึ่งโปรแกรมบัญชี PEAK ก็สามารถสร้าง งบกระแสเงินสด ให้สามารถดูได้แบบ Real-Time เช่นกัน โดยสามารถดูงบกระแสเงินสดได้ง่าย ๆ ดังนี้

งบกระแสเงินสดแบบ Real-Time บน PEAK

เพียงเท่านี้ก็สามารถดูได้เลยว่า ธุรกิจของเราได้เงินจากไหน และหมดเงินไปกับอะไรบ้างตอนนี้เจ้าของกิจการน่าจะพอเห็นภาพความสำคัญของงบกระแสเงินสดมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงความแตกต่างระหว่างงบกระแสเงินสดและงบกำไรขาดทุน ที่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าทำไม การดูงบกำไรอย่างเดียวถึงไม่เพียงพอ เพราะสุดท้ายแล้ว “กำไร” คือเป้าหมายของธุรกิจ แต่ “เงินสด” คือสิ่งที่ทำให้ธุรกิจอยู่รอด


ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาท
คลิก https://www.peakaccount.com (ไม่มีค่าใช้จ่าย)
PEAK Call Center : 1485
LINE : @peakaccount
สอบถามเพิ่มเติม คลิก https://m.me/peakengine

เริ่มต้นใช้งานโปรแกรมบัญชีออนไลน์ PEAK